Responsive image

Thursday, 25 Apr 2024

LATEST NEWS

INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต

...

  นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานกรรมการ พร้อมด้วย ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคณะผู้บริหารระดับสูงของ บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH ร่วมแถลงผลการดำเนินงานพร้อมตอบข้อซักถามจากผู้ถือหุ้น ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ซึ่งจัดในรูปแบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) ผ่านการถ่ายทอดสดจากห้องประชุม บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) อาคารสำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 โดยการประชุมสำเร็จลุล่วงเป็นไปได้ด้วยดี ที่ประชุมฯ รับทราบผลการดำเนินงานสำหรับปี 2566 ตลอดจนการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล และมีมติอนุมัติครบทุกวาระตามที่คณะกรรมการเสนอ โดยในปี 2566 TIPH เน้นเข้าลงทุนในธุรกิจที่ก่อให้เกิด Insurance Ecosystem และมุ่งเน้นการปรับ Business Foundation ในบริษัทที่ TIPH เข้าร่วมลงทุน ทำให้ผลการดำเนินงานปี 2566 ของ TIPH และบริษัทที่ TIPH เข้าร่วมลงทุนล้วนมีกำไรสุทธิ มีเพียงบริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน) บริษัทประกันวินาศภัย ดิจิทัลเต็มรูปแบบแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2566 ที่ยังอยู่ในช่วงเร่งสร้าง Brand Awareness แต่อย่างไรก็ดี  ยอดกรมธรรม์ของอินชัวร์เวิร์สมีการปรับตัวสูงขึ้นถึง 916% ในช่วง 3 เดือนหลังของปีที่ผ่านมา ขณะที่ เบี้ยประกันภัยรับ ของบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 เบี้ยประกันภัยรับของ ทิพยประกันภัย มีการเติบโต 6.8% ซึ่งเติบโตมากกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เติบโตเพียง 3.5%   

25 Apr 2024


...

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานเปิด “โครงการพัฒนาระบบแบ่งปันฐานข้อมูลเกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัย” พร้อมด้วย นายกสมาคมประกันชีวิตไทย นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย นายกสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน และผู้แทนนายกสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย ผู้บริหารสำนักงาน คปภ. และสื่อมวลชน ณ ห้องประชุมสถาบันวิทยาการประกันภัยระดับสูง ชั้น 2 สำนักงาน คปภ. ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร   เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่า สำนักงาน คปภ. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยและกำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยที่เป็นคนกลางในการชักชวนหรือชี้ช่องจัดการให้บุคคลทำสัญญาประกันภัยกับบริษัทประกันภัย ซึ่งถือว่า “คนกลางประกันภัย” เป็นบุคคลสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจประกันภัยและที่ผ่านมา สำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินการตามกฎหมายทั้งทางปกครองด้วยการเพิกถอนใบอนุญาตเป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัย และทางอาญาด้วยการดำเนินคดีฉ้อฉลประกันภัยกับตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยที่ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อเป็นการยกระดับมาตรการป้องปรามมิให้ตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยกระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย สำนักงาน คปภ. จึงริเริ่มแนวทางป้องกันการฉ้อฉลประกันภัยโดยตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยจัดทำโครงการพัฒนาระบบแบ่งปันฐานข้อมูลเกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัย โดยสายกฎหมายและคดี ร่วมกับศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีด้านการประกันภัย (Center of InsurTech Thailand) หรือศูนย์ CIT ของสำนักงาน คปภ. ร่วมกันพัฒนาเครื่องมือเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการฉ้อฉลประกันภัยโดยคนกลางประกันภัยตั้งแต่ต้นน้ำ โดยเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการพิจารณาออกใบอนุญาตเป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยเพื่อคัดกรองบุคคลเข้ามาเป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยในธุรกิจประกันภัย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากภาคธุรกิจประกันภัยและผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี โดยทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า โครงการนี้เป็นประโยชน์ในการป้องปรามการฉ้อฉลประกันภัยที่สร้างความเสียหายแก่ภาพรวมของธุรกิจประกันภัย ในขณะเดียวกันก็เสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของการประกันภัยและคนกลางประกันภัย รวมถึงการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้เอาประกันภัยและประชาชนอีกด้วย   สำหรับแนวทางพิจารณาการออกใบอนุญาตเป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยรูปแบบใหม่นั้น นอกจากจะพิจารณาตามกฎหมายประกันชีวิตและประกันวินาศภัยที่กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติของตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยว่า ผู้ขอรับใบอนุญาตจะต้องไม่มีประวัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัยหรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตการเป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัย หรือมีประวัติอาชญากรรมในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ตามที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัดแล้ว บริษัทประกันภัยจะต้องตรวจสอบข้อมูลผู้ขอรับใบอนุญาตฯ ในระบบดังกล่าวด้วย ซึ่งก่อนที่บริษัทประกันภัยจะตรวจสอบข้อมูลในระบบก็จะต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัดภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กล่าวคือ บริษัทประกันภัยจะต้องได้รับความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลจากตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยที่ต้องการตรวจสอบ ก่อนที่จะนำเลขบัตรประชาชนของผู้ขอรับใบอนุญาตฯ ที่ให้ความยินยอมมาขอตรวจสอบประวัติที่เกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัย หรือการเพิกถอน/พักใช้ใบอนุญาตของตัวแทนหรือนายหน้าในระบบดังกล่าว เมื่อระบบประมวลผลแล้ว ก็จะแสดงผลการตรวจสอบว่าผู้ขอรับใบอนุญาตฯ นั้น มีพฤติกรรมอยู่ในระดับการเฝ้าระวังลำดับใด โดยในระบบดังกล่าวแบ่งระดับความร้ายแรง ออกเป็น 4 ระดับ คือ ระดับหนึ่ง สีแดง กรณีตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยอยู่ระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาต หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตครั้งล่าสุดไม่เกินระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่มีคำสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต ระดับสอง สีส้ม กรณีตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยเคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตครั้งล่าสุด เกิน 5 ปีเต็ม นับแต่วันที่มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต หรือ กรณีบริษัทประกันภัยรายงานว่าเป็นบุคคลมีพฤติกรรมที่เป็นการฉ้อฉลประกันภัย เข้ามายังระบบรายงานการฉ้อฉลประกันภัยของสำนักงาน คปภ. ทั้งนี้ เป็นกรณีที่มีหลักฐานชัดแจ้ง หรือมีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว ระดับสาม สีเหลือง กรณีมีบริษัทประกันภัยรายงานว่าตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยนั้น เป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมที่อาจจะเป็นการฉ้อฉลประกันภัย เข้ามายังระบบรายงานการฉ้อฉลประกันภัยของสำนักงาน คปภ. หรือมีการร้องเรียนและอยู่ในระหว่างการสอบสวนของสำนักงาน คปภ. และระดับสี่ สีเขียว กรณีตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยไม่มีประวัติด่างพร้อย กล่าวคือ ไม่อยู่ระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาต ไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาต และไม่พบประวัติที่บริษัทประกันภัยรายงานเข้ามาว่าบุคคลนั้น มีพฤติกรรมที่เป็นการฉ้อฉลประกันภัยหรืออาจจะเป็นการฉ้อฉลประกันภัย ทั้งนี้ บริษัทประกันภัยสามารถรับตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยที่อยู่ในกลุ่มสีส้มและสีเหลือง ให้เป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยในสังกัดได้ เนื่องจากสำนักงาน คปภ. ไม่ได้บังคับหรือจำกัดสิทธิ เนื่องจากข้อมูลจากระบบดังกล่าวเป็นเพียงข้อมูลประกอบให้บริษัทประกันภัยบริหารความเสี่ยงและพิจารณากลั่นกรองก่อนรับบุคคลเข้ามาเป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัยในสังกัดของบริษัทประกันภัย นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการพัฒนาระบบแบ่งปันฐานข้อมูลเกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัยจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยยับยั้งและป้องกันการฉ้อฉลประกันภัยจากตัวแทนและนายหน้าประกันภัยที่จะเข้าสู่ธุรกิจประกันภัยในอนาคต และช่วยกำหนดแนวทางการดำเนินการของบริษัทประกันภัยให้อยู่ภายใต้หลักธรรมาภิบาล การบริหารความเสี่ยง รวมถึงการจัดการเรื่องความรับผิดต่อผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน กรณีบริษัทประกันภัยได้พิจารณาตกลงรับตัวแทนประกันภัยหรือนายหน้าประกันภัยที่มีประวัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัยหรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตการเป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัย หรือมีประวัติอาชญากรรมในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ เข้ามาเป็นตัวแทน หรือนายหน้า ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. จะทำการพัฒนาต่อยอดระบบดังกล่าวควบคู่ไปด้วย เช่น การเตรียมพัฒนาระบบเพื่อให้รองรับการเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลทั้งระบบภายในของสำนักงาน คปภ. และระบบของหน่วยงานภายนอก เช่น ระบบทะเบียนใบอนุญาตตัวแทน/นายหน้าประกันภัย/ผู้ประเมินวินาศภัย (e-Licensing) ของสายตรวจสอบคนกลางประกันภัย และระบบจัดการเรื่องร้องเรียนของสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ (PPMS) และระบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับประวัติอาชญากรรม ทั้งนี้ เพื่อเป็นการยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบและพิจารณาคัดกรองตัวแทนและนายหน้าประกันภัยก่อนเข้าสู่ธุรกิจประกันภัย  

25 Apr 2024

...

  กรุงเทพประกันชีวิต ตอกย้ำ “The Most Caring Insurance Brand” ตอบแทนความไว้วางใจของลูกค้าด้วยความใส่ใจ พัฒนาสิทธิประโยชน์ใหม่ 5 ด้านทั้งไลฟ์สไตล์และสุขภาพ เพื่อยกระดับความสุขพร้อมส่งมอบแก่ลูกค้าสมาชิกบีแอลเอ แฮปปี้ไลฟ์ คลับ (BLA Happy Life Club) พร้อมรับสิทธิประโยชน์ง่ายๆ ผ่าน BLA Happy Life Application นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรุงเทพประกันชีวิต ให้ความสำคัญกับการส่งมอบคุณค่าและสร้างประสบการณ์พิเศษสำหรับลูกค้าเสมอมา นอกจากการพัฒนาด้านบริการเพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้าแล้ว ยังมุ่งมั่นพัฒนาสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อขอบคุณในความไว้วางใจ ภายใต้ “บีแอลเอ แฮปปี้ไลฟ์ คลับ” ที่ได้สร้างสรรค์กิจกรรมสุดพิเศษมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด กรุงเทพประกันชีวิตได้พัฒนาสิทธิประโยชน์ใหม่สำหรับลูกค้าด้วยความใส่ใจ 5 ด้าน เพื่อตอบสนองความต้องการของการใช้ชีวิตไม่ว่าจะเป็นด้านไลฟ์สไตล์หรือสุขภาพ โดยลูกค้าทุกคนจะได้รับสิทธิประโยชน์ตามระดับการชำระเบี้ยรวมที่ชำระให้กับบริษัทตลอดปีที่ผ่านมา สำหรับสิทธิประโยชน์ใหม่ 5 ด้านประกอบด้วย  (1)  Health Privileges สิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพที่มอบแพคเกจตรวจสุขภาพ และสร้างความอุ่นใจด้วยบริการเสริมด้านสุขภาพ BLA EveryCare ใส่ใจคุณทุกดีเทลของชีวิต ผ่านบริการ International Hotline Service ผู้ช่วยทางการแพทย์ในต่างประเทศเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินต่างประเทศ,  Driving Home รถยนต์ไปส่ง หรือ รับกลับ เมื่อเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล และ Care@Home สำหรับดูแลสุขภาพผู้ป่วยที่บ้านยามพักฟื้น  (2)  Edutainment Privileges กิจกรรมเสริมสาระและความรู้ใหม่ๆ เตรียมความพร้อมให้คุณและครอบครัว ทั้งสุขภาพเงิน สุขภาพกาย และสุขภาพใจ (3) Travel Privileges สิทธิประโยชน์ด้านการเดินทาง ให้คุณและครอบครัว สะดวกสบาย ทุกการเดินทาง อาทิ รถลีมูซีนรับส่งสนามบิน ห้องรับรอง บริการรถกอล์ฟ และ การอำนวยความสะดวก ณ สนามบิน (4) Personalized Privileges สิทธิประโยชน์เพื่อคุณ ของขวัญสุดพิเศษ เติมเต็มความสุขให้คุณและครอบครัว ใส่ใจทุกวันสำคัญ สุดท้าย สิทธิประโยชน์ด้านที่ (5) Exclusive Experiences กิจกรรมพิเศษ เพื่อมอบประสบการณ์สุดประทับใจให้คุณและครอบครัว     นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)   “กรุงเทพประกันชีวิตมีเป้าหมายในการเป็นแบรนด์ประกันที่ให้การดูแล ใส่ใจลูกค้ามากกว่าการประกันชีวิต หรือ  “The Most Caring Insurance Brand” เพื่อที่จะส่งมอบประสบการณ์ที่ประทับใจให้กับลูกค้า โดยมั่นใจว่าสิทธิประโยชน์ใหม่ทั้ง 5 ด้านนี้ จะช่วยสร้างความสุขให้ทุกคนในครอบครัว โดยลูกค้าจะได้รับสิทธิประโยชน์ตามระดับการชำระเบี้ยรวม ที่ชำระให้กับบริษัทตลอดปีที่ผ่านมา (ตามเงื่อนไขที่กำหนด) ตั้งแต่สถานะ Welcome สำหรับลูกค้าใหม่ สถานะ Blue และ สถานะ Indigo โดยสามารถเช็คระดับสถานะ และ รับสิทธิประโยชน์ผ่าน BLA Happy Life Application ที่นอกจากจะมาพร้อมสิทธิพิเศษแล้ว ยังมีบริการหลากหลายที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น ทั้งการเช็คข้อมูลกรมธรรม์ รายละเอียดความคุ้มครอง แจ้งเตือนชำระเบี้ย ดูข้อมูลการเคลม ค้นหาโรงพยาบาลคู่สัญญาใกล้คุณ เบอร์โทรฉุกเฉินต่างๆ รวมถึงการรับส่วนลดสินค้าและบริการจากร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ”   นางสาวอรนาฎ กล่าวในที่สุด   

25 Apr 2024

...

คุณสุภาพ ประดับการ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย คุณพิมาน พูลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เพิ่มช่องทางการซื้อประกันภัยให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการใน พีทีที สเตชั่น กว่า 500 แห่งทั่วประเทศที่ร่วมรายการ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการซื้อประกัน โดยลูกค้าสามารถสแกน QR Code ที่ติดตั้งไว้บนป้ายประชาสัมพันธ์ เพื่อเลือกซื้อประกันภัยตามต้องการ ได้แก่ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พรบ.) , ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ และประกันภัยการเดินทางในประเทศ พร้อมทั้งชำระเงิน รับกรมธรรม์ผ่านช่องทางออนไลน์ ได้รับความคุ้มครองทันทีจากทิพยประกันภัย นอกจากนี้ ลูกค้ายังได้รับแต้มสะสม Blue Point จากการซื้อประกันภัยอีกด้วย (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด) รายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1736

22 Apr 2024

...

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานเปิด “โครงการรณรงค์ความปลอดภัยทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2567 ของสำนักงาน คปภ. และภาคอุตสาหกรรมประกันภัย” ภายใต้แนวคิด ขับขี่อุ่นใจด้วย 5 กัน ได้แก่ กันน็อก (สวมหมวกป้องกัน คาดเข็มขัดนิรภัย) กันหลง (เช็กเส้นทาง เพื่อความรวดเร็วและปลอดภัย) กันพัง (ตรวจสอบสภาพรถยนต์ก่อนเดินทางไกล) กันพลาด (ขับขี่ตามกฎจราจร) และกันภัย โดยมีประกันภัยการเดินทางช่วงสงกรานต์ สำหรับกิจกรรมรณรงค์และประชาสัมพันธ์ในครั้งนี้เพื่อสร้างกระแสให้เกิดการรับรู้และกระตุ้นจิตสำนึกในการขับขี่ปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน อีกทั้งให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารตระหนักถึงความปลอดภัย รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนและเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงระบบประกันภัยให้มากยิ่งขึ้น โดยมีภาคธุรกิจประกันภัย ผู้บริหารสำนักงาน คปภ. หน่วยงานเครือข่าย ประชาชน และสื่อมวลชน เข้าร่วมการจัดกิจกรรมดังกล่าว ณ บริเวณเกาะพหลโยธิน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ในโอกาสนี้ สำนักงาน คปภ. ภาคธุรกิจประกันภัย และเครือข่ายพันธมิตรภาคธุรกิจ ได้ร่วมใจกันส่งมอบของขวัญในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 ให้กับประชาชนผ่านกรมธรรม์ 2 กรมธรรม์ คือ กรมธรรม์แรก กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มสงกรานต์คลายร้อน (ไมโครอินชัวรันส์) เบี้ยประกันภัย 10 บาท โดยผู้เอาประกันภัยต้องมีอายุตั้งแต่ 15 ถึง 70 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ทำประกันภัย ระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 โดยให้ความคุ้มครองหลัก ได้แก่ 1. กรณีเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุ ไม่รวม การถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่ หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท 2. กรณีเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จากการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 50,000 บาท 3. กรณีเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตาหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงเนื่องจากอุบัติเหตุสาธารณะ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท 4. ผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุตามจำนวนที่จ่ายจริง ไม่รวม ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการจ้างพยาบาลพิเศษอุปกรณ์ค้ำยันต่าง ๆ (ยกเว้นไม้ค้ำยัน) รถเข็นผู้ป่วย อวัยวะเทียมภายนอกร่างกาย ค่ารักษาพยาบาลโดยแพทย์ทางเลือก (Alternative medicine) การฝังเข็ม จำนวนเงินเอาประกันภัย 5,000 บาท   กรมธรรม์ที่สอง คือ กรมธรรม์ประกันสงกรานต์สุขใจบ้านปลอดภัย (ไมโครอินชัวรันส์) เบี้ยประกันภัย 10 บาท โดยมีระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 สำหรับรายละเอียดความคุ้มครอง ได้แก่ 1. กรณีที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ ฟ้าผ่า ระเบิด ในกรณีที่สิ่งปลูกสร้างเป็นคอนกรีต (มีผนังก่ออิฐถือปูนมากกว่าร้อยละ 80 ของพื้นที่ผนังทั้งหมด) ได้รับความคุ้มครอง 30,000 บาท 2. กรณีที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ ฟ้าผ่า ระเบิด ในกรณีที่สิ่งปลูกสร้างเป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ (มีผนังก่ออิฐถือปูนร้อยละ 50-80 ของพื้นที่ผนังทั้งหมด) ได้รับความคุ้มครอง 15,000 บาท 3. กรณีที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ ฟ้าผ่า ระเบิด ในกรณีที่สิ่งปลูกสร้างเป็นอาคารที่ไม่ใช่ตึกหรือครึ่งตึกครึ่งไม้และไม่เป็นห้องแถวไม้ (มีผนังเป็นวัสดุอื่น ๆ เช่น ไม้ สังกะสี กระเบื้องแผ่นเรียบมากกว่าร้อยละ 50 ของพื้นที่ผนังทั้งหมด) ได้รับความคุ้มครอง 10,000 บาท 4. กรณีที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ ฟ้าผ่า ระเบิด ในกรณีที่สิ่งปลูกสร้างเป็นห้องแถวไม้ ได้รับความคุ้มครอง 5,000 บาท 5. กรณีที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายจากลมพายุ น้ำท่วม แผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟระเบิด หรือคลื่นใต้น้ำ หรือสึนามิ หรือภัยจากลูกเห็บ ได้รับความคุ้มครองทุกภัยรวมกันแล้วไม่เกิน 1,000 บาท 6. กรณีการขยายความคุ้มครองค่าเช่าที่อยู่อาศัยชั่วคราว ให้ความคุ้มครองค่าเช่าที่อยู่อาศัยชั่วคราวเป็นจำนวนเงินไม่เกินวันละ 300 บาท และรวมแล้วไม่เกิน 30 วัน ตลอดระยะเวลาเอาประกันภัย 7. กรณีการประกันภัยโจรกรรม คุ้มครองการลักทรัพย์ที่ปรากฏร่องรอยงัดแงะ การชิงทรัพย์ การปล้นทรัพย์ (จร.2) ที่อยู่อาศัยปัจจุบันของผู้เอาประกันภัย ความเสียหายต่อทรัพย์สินภายในสิ่งปลูกสร้างที่ระบุร่องรอย ความเสียหายต่อสิ่งปลูกสร้างและ/หรือค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนล็อคประตูหน้าต่าง ให้ความคุ้มครอง 5,000 บาท “สำนักงาน คปภ. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ประชาชนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย มีความสุข และอุ่นใจกับความคุ้มครองแบบจุใจ กับ 2 กรมธรรม์สุดพิเศษ กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มสงกรานต์คลายร้อน (ไมโครอินชัวรันส์) และ กรมธรรม์ประกันสงกรานต์สุขใจบ้านปลอดภัย (ไมโครอินชัวรันส์) ด้วยเบี้ยประกันภัยเพียง 10 บาท เท่านั้น โดยผู้เอาประกันภัยแต่ละรายมีสิทธิได้รับกรมธรรม์ประกันภัยจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 1 กรมธรรม์ ต่อผู้ประกอบการ 1 ราย เท่านั้น ผู้สนใจสามารถรับสิทธิได้จากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการหรือซื้อได้ที่บริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 หรือท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.oic.or.th สายด่วน คปภ. 1186 และ Line Official : @oicconnect” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย

16 Apr 2024

...

คุณสุภาพ ประดับการ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย คุณพิมาน พูลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ร่วมเติมเต็มความห่วงใยในการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2567 ให้กับลูกค้า พีทีที สเตชั่น เมื่อเติมน้ำมันชนิดใดก็ได้ ตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ สามารถ Scan QR Code ท้ายใบเสร็จ เพื่อลงทะเบียนรับสิทธิประกันภัยอุบัติเหตุ “สงกรานต์คลายร้อน” ฟรี ระหว่างวันที่ 11 เมษายน 2567 – 18 เมษายน 2567 โดยมีระยะเวลาความคุ้มครอง 30 วัน (นับจากวันที่ลงทะเบียน) และจะได้รับความคุ้มครองการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ในวงเงินสูงสุดจำนวน 100,000 บาท และได้รับค่ารักษาพยาบาล เนื่องจากอุบัติเหตุ สูงสุด 5,000 บาท (ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด)  

15 Apr 2024

...

กรุงเทพประกันชีวิต ร่วมสนับสนุนและส่งเสริมคุณพ่อคุณแม่ “ใส่ใจ” ลูกน้อยด้วยการวางแผนการเงินเพื่ออนาคตตั้งแต่แรกเริ่ม พร้อมกับการดูแลสุขภาพ ผ่าน 2 แบบประกันที่ตอบโจทย์ “กรุงเทพ สมาร์ท คิดส์” ซื้อ 1 ได้ถึง 2 เพื่อสะสมเป็นทุนการศึกษาพร้อมรับความคุ้มครองพิเศษ และ “แวลู เฮลธ์ (คิดส์)” ประกันสุขภาพเด็กที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีด้วยอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยที่เพิ่มขึ้นเกือบ 40% ในปีที่ผ่านมา จากความคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้งการรับมือกับโรคภัยไข้เจ็บในเด็กที่เจ็บป่วยบ่อยและนานขึ้น   นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มของการทำประกันชีวิตสำหรับลูกค้ากลุ่มเด็กว่า ถึงแม้ประเทศไทยจะมีอัตราการเกิดของเด็กค่อนข้างคงที่ โดยในบางปีมีอัตราที่ลดลง แต่ความต้องการด้านประกันสำหรับเด็ก ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการประกันเพื่อคุ้มครองด้านค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นทุกปี เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อการเกิดโรคต่างๆ มากขึ้น เช่น โรคไข้เลือดออก ไข้หวัดใหญ่  RSV  โรคมือเท้าปาก  โนโรไวรัส ติดเชื้อไวรัสท้องเสีย เฮอแปงไจน่า โรคที่มาจากฝุ่น pm2.5 และ ไข้หวัดแดด summer influenza ต่างๆ เหล่านี้ส่งผลให้เด็กเจ็บป่วยบ่อย ป่วยนานและรุนแรงขึ้น “นอกจากปัญหาด้านสุขภาพแล้ว สิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ควรคำนึงถึงก็คือการเตรียมเรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับลูกเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจยุคปัจจุบันที่ค่าครองชีพได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก ซึ่งโดยหลักจะมี 5 ด้าน คือ 1. ค่าอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี สมวัย 2. เสื้อผ้าของใช้ที่จำเป็น 3. หนังสือ ของเล่นเสริมทักษะพัฒนาการ  4. ค่ารักษาพยาบาล ซึ่งใน 5 ขวบแรก เด็กจะป่วยประมาณ 2-3 ครั้งต่อปี และต้องนอนโรงพยาบาล เฉลี่ย 3-7 วันต่อครั้ง และ 5. ค่าเทอม ค่าเรียนพิเศษ ซึ่งแนวโน้มส่วนใหญ่ก็จะอยากให้ลูกเรียนโรงเรียนเอกชน 2 ภาษา 3 ภาษา รวมถึงโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดสามารถเตรียมให้เหมาะสมกับตัวเราเองได้ด้วยการวางแผนการเงิน และควรเตรียมความพร้อมให้ลูกตั้งแต่แรกเริ่มซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้เรามั่นใจว่าสามารถรับมือกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต” นางสาวอรนาฎ กล่าวพร้อมเพิ่มเติมว่า กรุงเทพประกันชีวิตได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมคุณพ่อคุณแม่ให้มีการเตรียมความพร้อมสำหรับลูกรัก จึงได้ใช้กลยุทธ์การตลาดในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเพื่อให้ความรู้และแนะนำผลิตภัณฑ์ผ่านนิทรรศการที่เกี่ยวข้องและประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี เช่น การร่วมงาน Amarin & Baby Kids Fair เมื่อปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา มีคุณพ่อคุณแม่ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ภายใต้แนวคิด learning by playing หรือสร้างการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมต่างๆในบูธ รวมทั้งงานเสวนาบนเวทีที่เพิ่มเติมความรู้ให้คุณพ่อคุณแม่ทั้งในมุม “การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่” ซึ่งจะทำให้ลูกแข็งแรงและได้รับความอบอุ่นจากแม่และครอบครัวไปพร้อมๆกัน และ “เลี้ยงลูกโตไปให้มีตน” เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ในการส่งเสริมให้ลูกได้ค้นพบตัวตน นอกจากนี้ ยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการวางแผนการเงินและสุขภาพซึ่งมี 2 แบบประกันให้เลือกและกำลังได้รับความสนใจจากคุณพ่อคุณแม่ คือ “กรุงเทพ สมาร์ท คิดส์” ซื้อ 1 ได้ถึง 2 เพื่อเป็นทุนการศึกษาสำหรับลูกในอนาคตพร้อมรับความคุ้มครองพิเศษ และ “แวลู เฮลธ์ (คิดส์)” แบบประกันสุขภาพเด็กที่กำลังมาแรงด้วยอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นเกือบ 40% ในปีที่ผ่านมา   สำหรับ “กรุงเทพ สมาร์ท คิดส์” ซื้อ 1 ได้ถึง 2 เป็นแบบประกันเพื่อเป็นทุนการศึกษาลูก รับประกันตั้งแต่แรกเกิด - อายุ 14 ปี เบี้ยประกันภัยคงที่เริ่มต้นเพียง เดือนละ 200 บาท มีให้เลือก 3 แบบตามระยะเวลาความคุ้มครองที่ต้องการทั้ง 15 ปี 18 ปี และ 21 ปี เมื่อครบสัญญาจะได้รับเงินคืน 115% 118% และ 121% ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมตามจริง พร้อมอุ่นใจกับความคุ้มครองพิเศษด้านอุบัติเหตุ และ 4 โรคร้ายแรงในเด็ก รวมทั้งคุ้มครองไปถึงคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัยหากเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ลูกจะได้รับยกเว้นการชำระเบี้ยประกันภัยและรับเงินก้อนเพื่อใช้เป็นเงินสำรองยามฉุกเฉิน พร้อมมั่นใจได้ว่าลูกจะมีเงินทุนเรียนต่อจนจบการศึกษาเพราะครบกำหนดสัญญามีเงินก้อนคืนให้ ส่วน “แวลู เฮลธ์ (คิดส์)” เป็นประกันสุขภาพเด็กที่ออกแบบมาเพื่อรองรับค่ารักษาพยาบาลของลูกน้อยตั้งแต่อายุ 1 เดือนถึง 10 ปี ซึ่งเป็นวัยที่อาจเจ็บป่วยบ่อยครั้ง โดยมีจุดเด่นด้านความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่จำเป็น ทั้งค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการในโรงพยาบาลสูงสุด 5,000 บาทต่อวัน ค่าแพทย์ผ่าตัดและค่าหัตถการ สูงสุด 400,000 บาท คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน ผู้ป่วยนอก กรณีอุบัติเหตุ 24 ชม. พร้อมทางเลือกแบบมีความรับผิดส่วนแรกสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีสวัสดิการสำหรับลูกน้อยสามารถจ่ายเบี้ยได้ถูกลง และเมื่อลูกน้อยเติบโตจนอายุครบ 11 ปี สามารถปรับเป็นแบบไม่มีความรับผิดส่วนแรกโดยไม่ต้องแถลงสุขภาพ นอกจากนี้ กรุงเทพประกันชีวิตยังมอบบริการเสริมด้านสุขภาพแบบครบวงจร BLA EveryCare เพื่อการดูแลใส่ใจอย่างเต็มที่  “แวลู เฮลธ์ (คิดส์)” ยังเป็นแบบประกันสุขภาพสำหรับเด็กที่ดีที่สุดจากการรับรางวัลในปีที่ผ่านมา ถึง 2 รางวัล คือ “Best Health Insurance for Family” จาก theAsianParent Awards 2023 และ “Best Health Insurance for Kids” จากงาน Amarin Baby & Kids Awards 2023 ซึ่งความสำเร็จเป็นผลมาจากการให้ความ “ใส่ใจ” และ “เข้าใจ” ในพฤติกรรมผู้บริโภค ด้วย insights จากการวิจัยเพื่อรับรู้ความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ และสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์  รวมทั้งยังสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านกิจกรรมและโซเชียลมีเดียด้วยการสื่อสารที่ “จริงใจ” จากผู้เชี่ยวชาญทั้งคุณหมอเด็กและนักวิชาการ ด้วยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ นอกจากนี้เรายังมีคุณพ่อคุณแม่ตัวจริงที่ใช้บริการของเราแล้วชื่นชอบจึงบอกต่อ ซึ่งเป็นเสียงสะท้อนที่เราอยากพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ดียิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ได้ใช้เวลากับการดูแลลูกได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” นางสาวอรนาฎ กล่าวในที่สุด 

15 Apr 2024

ECONOMY-FINANCE / เศรษฐกิจ-การเงิน

...

ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีนโยบายเร่งรัดการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน และได้สั่งการให้ธนาคารออมสินหาแนวทางในการช่วยเหลือประชาชนลดภาระการผ่อนชำระหนี้ที่มีอยู่เดิม โดยเฉพาะผู้มีหนี้ที่เป็นกลุ่มเปราะบาง ตลอดจนผู้ที่ประสบปัญหาสภาพคล่องอันเป็นผลกระทบจากปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจ ดังนั้น เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายรัฐ และสอดรับกับบทบาทธนาคารเพื่อสังคม ธนาคารจึงพิจารณาออกมาตรการรีไฟแนนซ์ ภายใต้โครงการ “สินเชื่อออมสินรีไฟแนนซ์เพื่อสังคม” รับรีไฟแนนซ์หนี้เดิม (ไม่ใช่การปล่อยสินเชื่อใหม่) เพื่อช่วยลดภาระแก่ลูกหนี้ 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) ลูกหนี้บัตรเครดิต 2) ลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล หรือ Personal Loan (P-Loan) 3) ลูกหนี้สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ (Nano Finance) 4) ลูกหนี้สินเชื่อบ้าน ซึ่งการเปิดให้รีไฟแนนซ์สินเชื่อด้วยหลักเกณฑ์ดอกเบี้ยต่ำ พร้อมเงื่อนไขพิเศษอื่นครั้งนี้ ตั้งเป้าช่วยเหลือประชาชนลดภาระการชำระหนี้ ผ่อนสบายมากขึ้น หรือผู้ที่รีไฟแนนซ์แล้วแต่ประสงค์ผ่อนชำระเงินงวดเท่าเดิม ก็จะตัดเงินต้นมากขึ้นเพราะดอกเบี้ยลดลง ทำให้ปิดหนี้ได้เร็วขึ้น โดยมีรายละเอียดหลักเกณฑ์ทั้ง 4 มาตรการ ดังนี้    1. Re-Card : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้บัตรเครดิต ที่ต้องการกู้เงินเพื่อไปชำระหนี้บัตรเครดิตของสถาบันการเงิน หรือ Non-Bank อื่น โดยการรีไฟแนนซ์/รวมหนี้บัตรเครดิตมาผ่อนชำระกับธนาคารออมสินในรูปแบบเงินกู้ระยะยาว (Long Term Loan) ช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากเดิม 16% ต่อปี ลงเหลือ 8.99% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น) วงเงินกู้ไม่เกิน    5 เท่าของรายได้รวม สูงสุดไม่เกินรายละ 500,000 บาท และไม่ต้องมีหลักประกัน ซึ่งการรีไฟแนนซ์จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ลูกหนี้ ยกตัวอย่างกรณีเป็นหนี้บัตรเครดิต 100,000 บาท ปัจจุบันต้องจ่ายดอกเบี้ย 16% ต่อปี และผ่อนชำระขั้นต่ำ 8% ซึ่งเท่ากับ 8,000 บาทต่อเดือน เมื่อรีไฟแนนซ์มาเป็นเงินกู้ระยะยาว ธนาคารให้ผ่อนชำระได้สูงสุดไม่เกิน 7 ปี ที่อัตราดอกเบี้ย 8.99% ต่อปี ทำให้ลดเงินงวดเหลือ 1,700 บาทต่อเดือนเท่านั้น     2. Re P-Loan : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan : P-Loan) ที่ต้องการกู้เงินเพื่อไปชำระหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล P-Loan ของสถาบันการเงิน หรือ Non-Bank อื่น ซึ่งเมื่อรีไฟแนนซ์/รวมหนี้มาผ่อนชำระกับธนาคาร จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากเดิมประมาณ 25% ต่อปี ลงเหลือ 15% ต่อปี วงเงินให้กู้ตามภาระหนี้คงเหลือของสัญญากู้เดิม สูงสุดไม่เกินรายละ 100,000 บาท และไม่ต้องมีหลักประกัน ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 5 ปี 3. Re-Nano : รับรีไฟแนนซ์สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อย ที่ต้องการปลดหนี้สินเชื่อ Nano Finance ที่กู้ไปเพื่อลงทุนในการประกอบอาชีพ ซึ่งเมื่อรีไฟแนนซ์/รวมหนี้มาผ่อนชำระกับธนาคาร จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากเดิม 33% ต่อปี ลงเหลือ 18% ต่อปี วงเงินให้กู้ตามภาระหนี้คงเหลือของสัญญากู้เดิม สูงสุดไม่เกินรายละ 200,000 บาท ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 8 ปี โดยธนาคารออมสินร่วมกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการค้ำประกันการกู้ 4. Re-Home : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัย ที่ต้องการกู้เงินเพื่อไถ่ถอนจำนองที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินอื่น วงเงินกู้ 1-5 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรีไฟแนนซ์มาผ่อนชำระกับธนาคาร จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยตามสัญญาเดิมที่ประมาณ 6 - 7% ต่อปี ลงเหลือ 1.95% ในปีที่ 1 (ปีที่ 2 = 2.95% ปีที่ 3 = 3.95%) คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.95% ต่อปี พร้อมเงื่อนไขผ่อนต่ำ ปีที่ 1 ผ่อนชำระเงินงวดล้านละ 3,000 บาท/เดือน ปีที่ 2 ล้านละ 4,000 บาท/เดือน และปีที่ 3 ล้านละ 5,000 บาท/เดือน อนึ่ง ธนาคารสนับสนุนนโยบายรัฐในการแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือนของประชาชน ให้สามารถมีเงินเหลือใช้สอยดำรงชีพโดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งเงินกู้นอกระบบ รวมถึงส่งเสริมการปลูกฝังทัศนคติการกู้เงินเท่าที่จำเป็นและผ่อนไหว ทั้งนี้ มาตรการสินเชื่อรีไฟแนนซ์ “โครงการสินเชื่อออมสินรีไฟแนนซ์เพื่อสังคม” เพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน เปิดให้ยื่นขอกู้ได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 และจัดทำนิติกรรมสัญญาภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567  

21 Apr 2024


...

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate 0.15% ต่อปี จาก 6.75% เหลือ 6.60% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ EXIM BANK ใช้สำหรับลูกค้าทั่วไปและลูกค้า SMEs เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี หรือ MRR ของธนาคารพาณิชย์) นับเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่ต่ำที่สุดในระบบ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ไทยในเทศกาลสงกรานต์นี้ให้แก่ผู้ประกอบการ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567 เป็นต้นไป ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate ในครั้งนี้เป็นการขานรับนโยบายของรัฐบาลในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยลดภาระให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจของ EXIM BANK ในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้มีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ บรรเทาภาระหนี้และต้นทุนทางธุรกิจ และสามารถปรับตัวให้แข่งขันในเวทีโลกได้อย่างยั่งยืนในสภาวะที่เศรษฐกิจไทยเติบโตในอัตราที่ช้าลง ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง  

13 Apr 2024

...

ดร.บุนเหลือ สินไซวอระวง ผู้ว่าการธนาคารแห่ง สปป.ลาว (Bank of the Lao PDR : BOL) ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นางสาวมรกต ศรีสวัสดิ์ เอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ และนายอาลุน บุนยง หัวหน้ากรมคุ้มครองธนาคารธุรกิจ BOL ร่วมเป็นสักขีพยานกิตติมศักดิ์ในพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และธนาคารการค้าต่างประเทศลาว มหาชน (Banque Pour Le Commerce Exterieur Lao Public : BCEL) โดยมี ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK และนางสายสะหมอน จันทะจัก ผู้อำนวยการใหญ่ BCEL เป็นผู้ลงนาม เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่เข้าไปลงทุนใน สปป.ลาว โดยเฉพาะโครงการลงทุนที่ใช้เงินสกุลกีบในการดำเนินกิจการเป็นเงินสกุลหลัก และต้องการเงินสกุลกีบไว้ใช้หมุนเวียนในกิจการ เพื่อลดความเสี่ยงจากการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ณ เมืองหลวงพระบาง สปป.ลาว เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 ในโอกาสการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน (ASEAN Finance Ministers and Central Bank Governors’ Meeting: AFMGM) ครั้งที่ 11 ระหว่างวันที่ 2-5 เมษายน 2567 EXIM BANK ในฐานะธนาคารเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ขยายความร่วมมือกับ BCEL ในครั้งนี้ โดยสอดคล้องเป้าหมายของ EXIM BANK สู่การเป็น Green Development Bank ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในเวทีโลกในระยะยาว ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่และขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) เป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ของไทย ซึ่งปัจจุบัน EXIM BANK ได้จัดตั้งสำนักงานผู้แทนใน CLMV ครบถ้วนแล้ว เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของทีมประเทศไทยในการทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนใน CLMV โดยสำนักงานผู้แทนของ EXIM BANK ในเวียงจันทน์เปิดดำเนินงานอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2561 EXIM BANK พร้อมสานพลังพันธมิตรภาครัฐและเอกชนใน สปป.ลาว เพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างทั้งสองประเทศ รวมทั้งผลักดันโครงการลงทุนของไทยใน สปป.ลาว โดย สปป.ลาว ถือเป็น Land Link เชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งทางบกระหว่างไทย จีน และเวียดนาม ผ่านสะพานข้ามแม่น้ำโขง ประกอบกับอัตราค่าแรงขั้นต่ำใน สปป.ลาว อยู่ที่ 1.6 ล้านกีบต่อเดือนหรือประมาณ 2,700 บาท ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ นโยบายการเป็นแบตเตอรี่แห่งอาเซียน สิทธิพิเศษด้านภาษีและการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ สิทธิพิเศษทางการค้ากับต่างประเทศ จึงเป็นปัจจัยดึงดูดนักลงทุนจากหลายประเทศ โดยเฉพาะไทย เข้าไปลงทุนในสปป.ลาว อย่างต่อเนื่องและมากเป็นอันดับ 2 รองจากจีน โครงการลงทุนของไทยส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจพลังงาน การเกษตร ปศุสัตว์ การท่องเที่ยว และธุรกิจบริการ ในปี 2566 การค้าระหว่างไทยและ สปป.ลาว มีมูลค่ารวมกว่า 7,634.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นการส่งออกของไทยไป สปป.ลาว 4,647.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจาก สปป.ลาว 2,987.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไป สปป.ลาว ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำตาลทราย รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ขณะที่สินค้านำเข้าจาก สปป.ลาว ได้แก่ เชื้อเพลิง ผักผลไม้ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืช และปูนซีเมนต์ “การขยายความร่วมมือระหว่าง EXIM BANK และ BCEL ในครั้งนี้เพื่อร่วมกันสนับสนุนทั้งด้านความรู้ โอกาส และเงินทุน ให้เกิดความแข็งแกร่งของ Supply Chain การค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับ สปป.ลาว เชื่อมโยงกับ Global Supply Chain โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อต่อยอดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับประเทศ อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง อาเซียน และโลกโดยรวม สร้างโอกาสการเติบโตของภาคธุรกิจในทุกระดับ รวมทั้งความกินดีอยู่ดีของประชาชน และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน“ ดร.รักษ์ กล่าว  

13 Apr 2024

...

นายประสงค์ พูนธเนศ  กรรมการอิสระ ประธานกรรมการ และประธานกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน และนางพิทยา  วรปัญญาสกุล  กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะกรรมการบริษัทฯ ได้จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2566 และนำเสนอวาระเพื่อพิจารณาต่างๆ โดยที่ประชุมมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 1.27 บาท ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 3,274.48 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีมติอนุมัติกรรมการ 3 ท่านที่ออกจากตำแหน่งตามวาระ กลับเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการ ได้แก่ นายสมชาย คูวิจิตรสุวรรณ   นางประราลี  รัตน์ประสาทพร  และนายระเฑียร ศรีมงคล  โดยการประชุมดังกล่าวจัดขึ้นในวันนี้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting) ณ ห้องประชุมใหญ่ “เคทีซี” อาคารสมัชชาวาณิช 2 ถนนสุขุมวิท ตามพระราชกำหนดว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2563 รวมถึงกฎหมายและกฎระเบียบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และคำบอกกล่าวการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) ให้ผู้ถือหุ้นทราบล่วงหน้าก่อนวันจัดประชุม

11 Apr 2024

...

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) สานต่อคำมั่นสัญญาในการยืนหยัดเคียงข้างผู้ประกอบการ SME ไทยในทุกการก้าวผ่าน เผยกลยุทธ์กลุ่มงานลูกค้าธุรกิจ SME ในปี 2567 มุ่งมั่นสนับสนุนลูกค้าในการสร้างมูลค่าควบคู่กับการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจผ่านกลยุทธ์ 3GO ประกอบด้วย ‘GO Green, GO Digital และ GO Beyond’ นำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ครอบคลุมทั้งการดำเนินธุรกิจตามกรอบ ESG การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม รวมถึงแพลตฟอร์มที่ช่วยสร้างโอกาสธุรกิจ เพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวรับโอกาสการเติบโตสู่ก้าวที่ยั่งยืนต่อไป นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ด้วยโอกาสและความท้าทายในหลากหลายมิติในช่วงปีที่ผ่านมา กรุงศรียังคงยืนหยัดเคียงข้างผู้ประกอบการในการรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นผ่านโซลูชันที่ครบวงจร และองค์ความรู้ต่างๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการและกระแสของโลกธุรกิจ โดยในปี 2566 ยอดสินเชื่อกลุ่มลูกค้าธุรกิจ SME มีอัตราเติบโตอยู่ที่ 11% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่กลับสู่ระดับก่อนเกิดการระบาดของโควิด และมียอดสินเชื่อคงค้างกว่า 339,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นยอดสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับนโยบายด้านความยั่งยืน (ESG Finance) ของกลุ่มลูกค้า SME มีมูลค่ารวมกว่า 6,100 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา” สำหรับทิศทางการดำเนินงานและกลยุทธ์ในปี 2567 นี้ กรุงศรีพร้อมเดินหน้าส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจ SME ไทย ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่ม พร้อมผลักดันการดำเนินธุรกิจบนกรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านกลยุทธ์ “3GO” โดยมีรายละเอียดดังนี้ GO Green: มุ่งสนับสนุน SME ในการเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ความยั่งยืน ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ กรุงศรี SME ยังคงมุ่งส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ ถึงแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESG) ผ่านเวทีสัมมนาต่างๆ อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อให้ลูกค้าได้ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่อง ESG และมีโอกาสได้พบกับพันธมิตรหรือเครือข่ายที่สามารถช่วยส่งเสริมในเรื่องดังกล่าว ซึ่งจากผลตอบรับที่ดีในปีที่ผ่านมา กิจกรรม Krungsri ESG Awards ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่สอง รวมถึงยังได้เตรียมเปิดโครงการ Krungsri ESG Academy เป็นปีแรกอีกด้วย อีกทั้งในปีนี้ กรุงศรี ร่วมกับ MUFG จัดงาน Krungsri-MUFG ESG Symposium 2024 มุ่งสร้างพลังเครือข่ายความร่วมมือระหว่างองค์กรพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์และพันธกิจด้าน ESG ทั้งในและต่างประเทศ ในการให้คำปรึกษา แนะนำ ส่งต่อแนวคิด และการนำมาปรับใช้อย่างเป็นรูปธรรมให้แก่ลูกค้าธุรกิจของธนาคาร   GO Digital: ปลดล็อกศักยภาพธุรกิจด้วยโซลูชันและนวัตกรรมดิจิทัลที่ช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า SME ในการทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์ม Krungsri Biz Online ซึ่งในปีนี้ ธนาคารมีแผนจะพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อาทิ การขยายเครือข่ายการให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศ Peer-to-Peer Cross Border แบบเรียลไทม์ ให้ครอบคลุมในกลุ่มประเทศอาเซียนมากยิ่งขึ้น โดยในปีนี้มีแผนที่จะขยายการบริการไปยังประเทศเวียดนาม รวมถึงการยกระดับโซลูชันสำหรับร้านค้าในยุคสังคมไร้เงินสด อาทิ Krungsri EDC Plus บริการรับชำระค่าสินค้าหรือบริการด้วยบัตรเครดิต และบัตรเดบิต ที่มีสัญลักษณ์ VISA MasterCard JCB และ UPI จากทุกสถาบันการเงินทั่วโลก พร้อมรองรับการรับชำระเงินออนไลน์ผ่านแอป กรุงศรี มั่งมี ช้อป เป็นต้น GO Beyond:  นอกเหนือจากบริการทางเงิน ธนาคารมุ่งเสริมสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับลูกค้า SME ที่มีความพร้อมและศักยภาพในการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียนและประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกรุงศรี และ MUFG มีเครือข่ายที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นจุดแข็งที่สำคัญของกรุงศรี ที่ช่วยให้ลูกค้า SME ได้มีคู่ค้าที่น่าเชื่อถือ ผ่านแพลตฟอร์มจับคู่ธุรกิจ Krungsri Business Link ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 2,000 บริษัท โดยปีนี้เราจะมีกิจกรรมออกบูธทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เพื่อแนะนำบริการนี้ให้กับธุรกิจทั่วไปอีกด้วย เสริมด้วยกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ Krungsri Business Matching กิจกรรมศึกษาดูงาน ณ ประเทศญี่ปุ่น Krungsri Business Journey และ บริการที่ปรึกษาสำหรับลูกค้าที่ต้องการขยายธุรกิจสู่อาเซียน Krungsri ASEAN LINK “ท่ามกลางสภาวะทางเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ ประกอบกับปัจจัยการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยที่ยังคงมีความท้าทายอยู่อย่างต่อเนื่อง ในปีนี้เราจึงตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจ SME ที่ระดับ 2-3% และกรุงศรีจะยังคงสานต่อการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมากกว่าสถาบันการเงิน ยืนหยัดเคียงข้างผู้ประกอบการให้สามารถดำเนินธุรกิจในทุกวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพร้อมคว้าโอกาสการเติบโตสู่ก้าวที่ยั่งยืนต่อไป” นางสาวดวงกมล กล่าวปิดท้าย

08 Apr 2024

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ในวาระวันคล้ายวันสถาปนาธนาคารออมสินครบรอบ 111 ปี ในวันที่ 1 เมษายน 2567 ธนาคารออมสิน จัดแคมเปญส่งเสริมการออมครั้งใหญ่ มอบโชค 111 ล้านบาท แก่ผู้ถูกรางวัลที่ 1 สลากออมสินพิเศษ 1 ปี งวดวันที่ 16 พฤษภาคม 2567 เพียงรางวัลเดียวเท่านั้น สำหรับผู้ที่ฝากสลากออมสินทั้งแบบใบสลาก และสลากดิจิทัล ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 15 พฤษภาคม 2567 โดยสามารถฝากได้ตั้งแต่ 100 บาท ก็มีสิทธิ์ลุ้น และไม่จำกัดวงเงินรับฝากสูงสุด ผู้สนใจสามารถฝากสลากออมสินได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ และแอป MyMo โดยกำหนดออกรางวัลที่ 1 มูลค่า 111 ล้านบาท ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2567 ทั้งนี้ สลากออมสินพิเศษ 1 ปี เมื่อฝากครบกำหนด 1 ปี จะได้รับดอกเบี้ยหน่วยละ 0.35 บาท พร้อมกับเงินต้น และมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลทุกเดือน ทั้งรางวัลที่ 1 เงินรางวัล 10 ล้านบาท รวมถึงรางวัลอื่นๆ และรางวัลเลขท้าย รวม 12 ครั้ง กำหนดออกรางวัลทุกวันที่ 16 ของเดือน   สำหรับแฟนพันธุ์แท้กระปุกออมสินไม่ควรพลาด “กระปุกออมสินวาระครบ 111 ปี” ที่ธนาคารสร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษ โดยนำงานหัตถกรรมตีลายแผ่นแร่ซึ่งเป็นลวดลายดอกมะลิมาตกแต่งลงบนกระปุกออมสิน ถ่ายทอดผลงานอันทรงคุณค่าด้วยอัตลักษณ์ที่มีความอ่อนช้อยงดงามตามศิลปะล้านนา ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นดั้งเดิมของชุมชนบ้านป่าสักขวาง จังหวัดเชียงใหม่ นับเป็นการสร้างรายได้และส่งเสริมอาชีพที่เป็นมรดกทางภูมิปัญญาของชาติ อีกทั้งยังเกิดคุณค่าร่วมที่สร้างประโยชน์ให้แก่ผู้คน ชุมชน สังคม และธุรกิจได้เติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับการดำเนินภารกิจธนาคารออมสินภายใต้บทบาทธนาคารเพื่อสังคม ซึ่งสามารถเป็นเจ้าของกระปุกออมสินในวาระ 111 ปีได้ โดยลงทะเบียนจองสิทธิ์ผ่านเว็บไซต์ www.gsb.or.th และ LINE OFFICIAL : GSB Society ตั้งแต่วันที่ 27 - 31 มีนาคม 2567 และเปิดให้ฝากเงิน ตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป พร้อมรับกระปุกในวันที่ 1 - 4 เมษายน 2567 ณ สาขาธนาคารออมสินที่ลงทะเบียนจองสิทธิ์ไว้ (1 กระปุก ต่อ 1 ท่าน) ของมีจำนวนจำกัด และสำหรับเด็กที่เกิดในวันที่ 1 เมษายน 2567 ธนาคารได้มีการมอบเงินทุนประเดิมให้เด็กรายละ 500 บาท โดยบิดาหรือมารดาของเด็กที่มีสัญชาติไทย สามารถนำสูติบัตรฉบับจริงของเด็ก พร้อมบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านของบิดาหรือมารดา มาแสดงตัวตนที่สาขาธนาคารออมสิน ภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2567 นอกจากนี้ ธนาคารออมสิน ยังแจกโชคต่อเนื่อง อีก 111 รางวัล สำหรับผู้ที่สมัครและใช้จ่ายผ่าน “บัตรเดบิตออมสิน” มีสิทธิ์ลุ้นรางวัลรถยนต์ไฟฟ้า BYD Dolphin รุ่น Standard Range สี Coral Pink จำนวน 3 รางวัล และทองคำแท่ง หนัก 2 สลึง จำนวน 108 รางวัล สำหรับลูกค้าที่สมัครบัตรเดบิตใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน –  30 กันยายน 2567 มีสิทธิ์ร่วมลุ้นรางวัลทันที โดยสมัครบัตรเดบิตออมสิน อินสแตนท์ ได้รับ 1 สิทธิ์/บัตร บัตรเดบิตแบบมีความคุ้มครองทุกประเภท รับ 5 สิทธิ์/บัตร ส่วนการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตออมสินทุกประเภทที่มียอดการใช้จ่ายตั้งแต่ 300 บาทขึ้นไป/เซลล์สลิป จะได้รับ 1 สิทธิ์/รายการ ยิ่งสะสมมากยิ่งมีสิทธิ์มาก โดยจะทำการจับรางวัลในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้า และร่วมฉลองในโอกาส 111 ปี ธนาคารออมสิน ติดตามรายละเอียดที่ www.gsb.or.th หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ GSB Contact Center โทร. 1115    

30 Mar 2024

...

  บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เดินหน้าปรับโครงสร้างสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ผ่านการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลายและมีศักยภาพ หลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างบริษัทฯ โดยการจัดตั้งบริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH เมื่อช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา ล่าสุดได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ให้มีการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Tender Offer) โดยบริษัทฯ ได้กำหนดระยะเวลาในการแลกเปลี่ยนหุ้นจาก “BKI” เป็น “BKIH” ระหว่างวันที่ 25 มีนาคม – 5 มิถุนายน 2567 รวมทั้งสิ้น 45 วันทำการ สำหรับกระบวนการแลกหุ้นในครั้งนี้  BKIH จะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน เพื่อแลกกับหุ้นสามัญของ BKI ในอัตราเท่ากับ 1 หุ้นสามัญของ BKI ต่อ 1 หุ้นสามัญของ BKIH อย่างไรก็ตาม การแลกหุ้นดังกล่าวจะไม่ได้เป็นไปโดยอัตโนมัติ แต่จะเกิดขึ้นเฉพาะกรณีที่ผู้ถือหุ้นของ BKI ได้ทำการ “ตอบรับ” คำเสนอซื้อหลักทรัพย์แล้วจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 เท่านั้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกระบวนการสำคัญในการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มความคล่องตัวในการขยายการลงทุน ต่อยอดการสร้างรายได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ด้วยการดำเนินกิจการตามทิศทางเชิงกลยุทธ์ที่เหมาะสมต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน จากการลงทุนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศที่จะก่อให้เกิดการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต โดยมีขั้นตอนการตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ BKI ดังนี้ ระยะเวลารับซื้อ เวลา 9.00 น. ถึง 16.00 น. ของทุกวันทำการ ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2567 ถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2567 รวมระยะเวลา 45 วันทำการ ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวเป็นระยะเวลารับซื้อสุดท้ายที่จะไม่ขยายระยะเวลารับซื้ออีก ตัวแทนในการรับซื้อหลักทรัพย์ (Tender Agent) บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) รูปแบบการตอบรับคำเสนอซื้อ   กรณีมีหุ้นอยู่ในบัญชีหลักทรัพย์ (Scripless) ทั้งกรณีที่มีหุ้นในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือมีหุ้นในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์อื่นๆ ผู้แสดงเจตนาขายสามารถแสดงเจตนาขายผ่านระบบออนไลน์ของบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ได้ที่เว็บไซต์ www.bualuang.co.th (ระบบ e-Tender) โดยขอความร่วมมือให้ผู้ถือหุ้นยื่นแบบตอบรับผ่านระบบออนไลน์ล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วันทำการ ก่อนวันสุดท้ายของระยะเวลารับซื้อ กรณีมีใบหุ้นหรือฝากหุ้นกับศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ในบัญชี 600 ผู้แสดงเจตนาขายสามารถยื่นแบบตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์พร้อมเอกสารประกอบด้วยตนเองกับทางบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) (สำนักงานใหญ่) ในฐานะตัวแทนในการรับซื้อหลักทรัพย์ ทั้งนี้ ไม่สามารถส่งเอกสารทางไปรษณีย์ได้ โดยขอความร่วมมือให้ผู้ถือหุ้นยื่นแบบตอบรับ ณ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) (สำนักงานใหญ่) ล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วันทำการ ก่อนวันสุดท้ายของระยะเวลารับซื้อ ที่อยู่สำหรับนำส่งเอกสารแบบตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) (สำนักงานใหญ่) ฝ่ายปฏิบัติการ ชั้น 23 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ 191 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500โทรศัพท์ 0 2618 1141-3, 0 2618 1146-7 หรือ 0 2618 1122, 0 2618 1129, 0 2618 1133 โทรสาร 0 2618 1120 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม  BKIH Call Center โทรศัพท์ 0 2285 8999 ทั้งนี้ เมื่อกระบวนการแลกหุ้นแล้วเสร็จ BKIH จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประมาณช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2567 โดยจะใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า BKIH และผู้ถือหุ้น BKI ที่ได้ทำการแลกหุ้นสมบูรณ์ตามกำหนดเวลาจะเปลี่ยนเป็นผู้ถือหุ้นของ BKIH แทน โดยจะไม่ได้รับผลกระทบทางภาษีใดๆ อันเป็นผลจากธุรกรรมการแลกหุ้น สำหรับผู้ถือหุ้น BKI ที่ไม่ได้ตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ในระยะเวลาที่กำหนดจะยังคงถือหุ้น BKI ต่อไป ทั้งนี้ หุ้น BKI จะถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันเดียวกันที่หุ้นของ BKIH เข้าจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงที่มาพร้อมโอกาสครั้งสำคัญ BKIH จะก้าวผ่านความท้าทายและเติบโตไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยวิสัยทัศน์ “มุ่งสร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืนผ่านธุรกิจประกันภัยและธุรกิจอื่นที่หลากหลาย” พร้อมด้วยพันธกิจ “สร้างผลประกอบการที่ดีผ่านการลงทุนในธุรกิจหลักด้านการประกันภัยและธุรกิจอื่นที่มีศักยภาพ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มให้เติบโตอย่างยั่งยืน” เพื่อนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จในอนาคต

30 Mar 2024

SOCIETY - CSR / ภาพข่าว-กิจกรรมเพื่อสังคม

...

บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) นำโดย ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร พาพนักงานบริษัทฯ จำนวนกว่า 1,600 คน บินลัดฟ้าไปทัศนศึกษา ณ อุระบันได (Urabandai) – โตเกียว (Tokyo) ประเทศญี่ปุ่น เพื่อท่องเที่ยวและพักผ่อนในสถานที่สวยงาม โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และโอบล้อมด้วยธรรมชาติ พร้อมกับอิ่มเอมใจกับการเล่นกระดานเลื่อนท่ามกลางหิมะที่อุทยานแห่งชาติบันได - อาซาฮี (Bandai - Asahi National Park) เข้าชมหมู่บ้านโออุจิ จูคุ (Ouchi Juku) ซึ่งเป็นหมู่บ้านโบราณสมัยเอโดะที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าของชาติ และสนุกสนานกับนวัตกรรมอันน่าตื่นตา และชอปปิงแหล่งรวมแฟชั่นทันสมัยระดับโลกในเมืองหลวงที่ย่านชินจูกุ (Shinjuku) และชิบูย่า (Shibuya) รวมถึงศึกษาวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชาวญี่ปุ่น ทั้งการไหว้พระขอพรที่วัดอาซากุซะ (Asakusa Temple) การแช่ออนเซ็น การแต่งกายในชุดยูกาตะ การรับประทานอาหารต้นตำรับของญี่ปุ่น พร้อมเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆ ที่สามารถนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันและการทำงาน อีกทั้งยังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ของพนักงานให้กระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯ ได้จัดรอบการเดินทางจำนวน 8 รอบ รอบละกว่า 200 คน ตั้งแต่เดือนมกราคม - มีนาคม 2567    กิจกรรมดังกล่าว บริษัทฯ จัดขึ้นเพื่อขอบคุณพนักงานทุกคน เป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จของทุกฝ่ายที่ร่วมแรงร่วมใจกันในการสร้างผลงานได้ตามเป้าหมาย สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ และทุ่มเทตลอดปี 2566  อีกทั้งเป็นการสร้างกำลังใจให้พนักงานที่ช่วยกันขับเคลื่อนองค์กรให้มุ่งสู่เป้าหมายได้อย่างสำเร็จ และมีส่วนร่วมในการส่งเสริมให้บริษัทฯ เติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคงมาโดยตลอด  

22 Apr 2024


...

“ประกันติดโล่” แบรนด์นายหน้าประกันเพื่อลูกค้ารายย่อย บริหารโดย บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR โดย นายธนกร นพกิจกำจร (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้จัดการอาวุโสแผนกสื่อสารองค์กร และ นายมิ่งขวัญ ประเสริฐศิวพร (ที่ 3 จากขวา) ผู้ช่วยผู้จัดการงานส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงิน นำทีมจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ด้านประกัน รวมถึงประโยชน์ของ พ.ร.บ. มอเตอร์ไซค์ ระยะยาว 3-5 ปี ซึ่งนอกจากจะคุ้มครองต่อเนื่องแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายสูงสุดถึง 100 บาท อีกด้วย โดยการอบรมเป็นรูปแบบจัดกิจกรรมสอดแทรกความรู้ (Activity Base) จึงส่งผลให้ได้รับความสนใจจากชาวชุมชนและสร้างการมีส่วนร่วมได้เป็นอย่างดี ภายในงานได้รับเกียรติจาก นางขนิษฐา นิโครวนจำรัส (ที่ 4 จากขวา) ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการประกันภัย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) พร้อมทีมงาน ร่วมกิจกรรมการอบรมให้ความรู้ด้านประกันอย่างใกล้ชิด และยังร่วมมอบหมวกกันน็อคให้กับชาวชุมชนบึงพระราม 9 พัฒนา กว่า 50 ใบ โดยกิจกรรมดังกล่าวอยู่ภายใต้ “โครงการรณรงค์ความปลอดภัยทางถนน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567” ซึ่งสำนักงาน คปภ. จัดเป็นประจำทุกปี เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมียอดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาปกติ ณ สนามกีฬาชุมชนบึงพระราม 9 พัฒนา เขตห้วยขวาง กทม. เมื่อเร็วๆ นี้ สำหรับผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมข้อมูลประกันติดโล่เพิ่มเติมได้ที่ www.prakantidloh.com และ Facebook Fan page ประกันติดโล่ หรือติดต่อสอบถามผลิตภัณฑ์และบริการได้ที่ call center หมายเลขโทรศัพท์ 1501 ตลอด 24 ชม.

18 Apr 2024

...

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายสุวิรัช พงศ์เสาวภาคย์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการภายนอก สนับสนุนหมวกนิรภัยจำนวน 100 ชุดให้แก่เยาวชนไทยในจังหวัดสมุทรสาคร ในงานพิธีเปิดศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนและทางน้ำช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 ตลอดจนร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านความปลอดภัยทางถนน ตามนโยบายของจังหวัดภายใต้โครงการ “สมุทรสาครร่วมใจสวมหมวกกันน็อค 100%” โดยภายในงานได้รับเกียรติจากนายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ประธานในพิธีฯ และนางอรุโณทัย ทองพรหม ผู้อำนวยการสำนักงานคปภ. จังหวัดสมุทรสาคร เป็นตัวแทนมอบหมวกนิรภัยให้แก่เยาวชน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล มหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร

18 Apr 2024

...

บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) นำโดย คุณศิรนุช  โรจนเสถียร  ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรฯ  พร้อมทีม TIP Smart Assist  ร่วมโครงการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชน ตลอดเทศกาลสงกรานต์ 2567  มอบน้ำดื่มทิพย จำนวน 5,000 ขวด  ให้กับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) โดยมี คุณสุรเชษฐ์  เหล่าพูลสุข  ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ประธานในพิธีฯ เป็นผู้รับมอบ เพื่อนำไปบริการให้กับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์  ในระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน  2567 โดยจะมีการตั้งจุดบริการรวม 6 ด่าน ประกอบด้วย บริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษบางแก้ว 1 ด่านฯ ฉิมพลี ด่านฯ บางปะอิน (ขาออก) ด่านฯ บางแก้ว 1 ด่านฯ จตุโชติ และ ด่านฯ บางปะอิน (ขาเข้า)  โครงการดังกล่าว เป็นการร่วมสนับสนุนจากทิพยประกันภัย เพื่อช่วยให้ประชาชนรู้สึกสดชื่น คลายร้อน  และเดินทางกลับภูมิลำเนาได้อย่างปลอดภัย ตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567  ณ อาคารศูนย์บริหารการทางพิเศษ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย  #ห่วงใยเป็นที่สุด

16 Apr 2024

...

  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank โดย นายพูลพัฒน์ ศรีเปล่ง กรรมการธนาคาร นายประสิชฌ์ วีระศิลป์ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ ร่วมกิจกรรม “SME D ประเพณีสงกรานต์” สืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรมอันดีงามของไทย เนื่องในประเพณีสงกรานต์ ประจำปี 2567 โดยจัดพิธีสักการะสรงน้ำพระพุทธพัฒนามหาโภคทรัพย์ไทย พระพุทธรูปประจำธนาคาร พิธีถวายภัตตาหารเช้าและทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระสงฆ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่รดน้ำขอพรจากผู้บริหารระดับสูง เพื่อความเป็นสิริมงคล สร้างกำลังใจในการทำงาน  ณ บริเวณ Co-Working Space ชั้น 1 อาคาร SME Bank Tower เมื่อเร็วๆ นี้  

16 Apr 2024

...

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายสุวิรัช พงศ์เสาวภาคย์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการภายนอก (ที่ 2 จากซ้าย) ร่วมเปิดตัว “โครงการรณรงค์ความปลอดภัยทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2567” ภายใต้ชื่อ โครงการรณรงค์สงกรานต์ปลอดภัย ขับขี่อุ่นใจด้วย ‘กัน’ จัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อสนับสนุนและผลักดันการขับขี่ปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ไทย พร้อมส่งประชาชนเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัยผ่านการมอบความคุ้มครองประกันอุบัติเหตุ ในโอกาสนี้ เอไอเอ ยังได้ร่วมออกบูธเพื่อเชิญชวนประชาชนที่เดินทางบริเวณเกาะพหลโยธินที่สนใจลงทะเบียนรับสิทธิกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุฟรีกับแคมเปญ “กรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มสงกรานต์ (ไมโครอินชัวรันส์)” โดยได้รับเกียรติจาก นายชูฉัตร ประมูลผล (ที่ 2 จากขวา) เลขาธิการสำนักงาน คปภ. ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน ณ เกาะพหลโยธิน อนุสาวรีย์ชยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ได้ให้ความร่วมมือกับสำนักงาน คปภ. รณรงค์ขับขี่ปลอดภัย มาอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยในปีนี้ เอไอเอ ประเทศไทย มอบหมวกนิรภัยสำหรับผู้ใหญ่และเด็กจำนวนกว่า 1,400 ใบผ่านกิจกรรมรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนให้แก่สำนักงานคปภ. ในต่างจังหวัด อาทิ พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี สุโขทัย กำแพงเพชร กาญจนบุรี สมุทรสาคร อุตรดิตถ์ แพร่ พะเยา ลำปาง ตาก และแม่ฮ่องสอน เป็นต้น เพื่อลดความรุนแรงของการเกิดอุบัติเหตุ และรณรงค์สวมหมวกนิรภัยให้แก่ประชาชนอีกด้วย ซึ่งสอดคล้องกับตามคำมั่นสัญญาของเอไอเอ ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’  

16 Apr 2024

...

นายพิสิทธิ์ สุขสง ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงตรัง รับมอบป้ายเตือนจุดเสี่ยงพร้อมอุปกรณ์ควบคุมโซลาเซลล์ ภายใต้ “โครงการแก้ไขจุดเสี่ยงเพื่อลดอุบัติภัยบนท้องถนน” จาก บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมี นายสุกันต์ เดชเจริญ ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการภาค 5 (ภาคใต้) ด้านศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทน เป็นผู้แทนบริษัทฯ ส่งมอบ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนได้ประโยชน์โดยตรง จุดโค้งสวนส้มแห่งนี้เป็นจุดเสี่ยงและเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งการมีป้ายไฟมีสัญญานเตือนจะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้ ณ โค้งสวนส้ม เขาพับผ้า ถนนตรัง – พัทลุง ตำบลละมอ อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง   สำหรับ “โครงการแก้ไขจุดเสี่ยงเพื่อลดอุบัติภัยบนท้องถนน” บริษัทฯ ตระหนักถึงความสูญเสียและเล็งเห็นความสำคัญของปัญหาอุบัติภัยบนท้องถนนที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน อันเป็นสาเหตุของการบาดเจ็บ พิการ และสูญเสียชีวิต จึงมุ่งมั่นเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยการลงพื้นที่บูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ในปี 2567 นี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการสำรวจและคัดเลือกจุดเสี่ยง เพื่อเป็นพื้นที่ต้นแบบในการดำเนินงานจัดการแก้ไขและป้องกันอุบัติภัยบนท้องถนนร่วมกับภาครัฐที่รับผิดชอบทั่วประเทศ  ได้แก่ พื้นที่ภาคเหนือ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ภาคตะวันออก, ภาคกลางและภาคตะวันตก และภาคใต้ ทั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมขยายผลโครงการฯ โดยมีกำหนดส่งมอบป้ายเตือนจุดเสี่ยงในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นลำดับถัดไป  

16 Apr 2024

BUSINESS - MARKETING / ธุรกิจ - การตลาด - ขายตรง - SME

...

นางสาวพิชามน จิตรเป็นธรรม  ผู้บริหารสูงสุด – สายงานสินเชื่อบุคคล “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในเดือนเมษายนและพฤษภาคมเป็นช่วงของเทศกาลวันหยุดยาว และใกล้เปิดเทอม ผู้บริโภคส่วนใหญ่อาจมีความต้องการเงินสดเพื่อใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น     เคทีซีจึงได้จัดกิจกรรมพิเศษสำหรับผู้สมัครขอสินเชื่อบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” และได้รับการอนุมัติระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2567 – 31 สิงหาคม 2567 จะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 19.99% ต่อปี สำหรับเงินกู้ก้อนแรกที่โอนเข้าบัญชี 50,000 บาทขึ้นไป และเลือกผ่อนชำระรายเดือน (ตั้งแต่ 12 เดือนถึง 60 เดือน) สำหรับคุณสมบัติของผู้สมัครสินเชื่อบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” จะต้องมีสัญชาติไทย อายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และเป็นพนักงานประจำของบริษัทเอกชน หน่วยงานราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ที่มีรายได้ขั้นต่ำ 12,000 บาทต่อเดือน โดยสามารถสมัครสมาชิกสินเชื่อบัตรกดเงิน “เคทีซี พราว” ได้ที่ศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” และธนาคารกรุงไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือคลิก https://ktc.today/KTC-PROUD  ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” ควรกู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว”    “บัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” โดดเด่นด้วยฟังก์ชันครบทั้งรูด-โอน-กด-ผ่อน โดยสามารถช้อปออนไลน์ได้ทุกร้านค้า ทุกที่ ทุกเวลา รวมทั้งสามารถโอนเงินเรียลไทม์ผ่านแอปฯ “KTC Mobile” เข้าบัญชีธนาคารได้ถึง 13 ธนาคาร และกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มได้ตลอด 24 ชั่วโมง ฟรีค่าธรรมเนียมการกดเงิน  นอกจากนี้ยังใช้ผ่อนสินค้า 0% ได้นานสูงสุดถึง 24 เดือน ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ”  

21 Apr 2024


...

บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ซูเลียน (Zhulian) ผู้ดำเนินธุรกิจตลาดเครือข่าย (Multi-Level Marketing) ประกาศจุดยืนความตั้งใจเป็นที่หนึ่งธุรกิจตลาดเครือข่าย เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจที่เป็นไปได้มากที่สุด วางทิศทางการทำงานปี 2024 ปรับแผนการดำเนินธุรกิจ ให้ผู้จัดจำหน่ายของซูเลียน บรรลุถึงผลสำเร็จ สามารถขยายเครือข่ายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว มีรากฐานที่มั่นคง พร้อมมุ่งรักษาคุณภาพสินค้า และพัฒนาสินค้าใหม่ตอบโจทย์สุขภาพ เดินหน้าสร้างฐานสมาชิกใหม่เสริมเทคโนโลยี นำช่องทางการขาย “Zhulian Shopping Online”เชื่อมต่อการทำธุรกิจออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อยกระดับชีวิตที่มีคุณภาพ และโอกาสทางธุรกิจให้ก้าวอย่างไม่หยุดยั้ง ก้าวสู่ปีที่ 27 พร้อมการเติบโตอย่างยั่งยืน   ดร.ปิยะวัฒน์ จุลล์จักรวงศา ประธานกรรมการ บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวย้อนถึงจุดเริ่มต้นการทำธุรกิจตลาดเครือข่าย (Multi-Level Marketing) ของ ‘ซูเลียน’ ว่า เกิดจากความตั้งใจในการเสริมสร้างสังคมให้มีสุขภาพแข็งแรง ด้วยสินค้าดี มีคุณภาพ และตอบโจทย์กับชีวิตประจำวันของคนไทยทุกคน ทั้งยังมุ่งมั่นสร้างโอกาสสร้างงาน และกระจายรายได้ผ่านการจัดจำหน่ายสินค้าโดยผู้จัดจำหน่ายซูเลียน ปัจจุบัน ซูเลียนประสบความสำเร็จจนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำธุรกิจขายตรง ที่มีสมาชิกรวมกันกว่า 5 ล้านรหัส และตัวแทนจำหน่ายร่วม 100 กว่าแห่งทั่วประเทศ   “ตลอดระยะเวลาการทำงานเข้าสู่ปีที่ 27 นี้ บุคลากรของซูเลียนทุกคนดำเนินงานภายใต้คำขวัญเดียวกัน นั่นคือ ‘ขยัน อดทน ซื่อสัตย์ มีคุณธรรม’ บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า เราให้ความสำคัญ และจริงใจต่อทุกผลิตภัณฑ์ มีการคัดสรร สรรพคุณอันเป็นประโยชน์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสุขภาพที่ดีที่สุดภายใต้เครื่องหมายการค้าซูเลียน”   ดร.ปิยะวัฒน์  กล่าวเพิ่มเติมว่า  ในปัจจุบัน ซูเลียนมีอัตราการเติบโตประมาณ 20% หลังจากผ่านพ้นช่วงวิกฤติโควิด ขณะนี้บริษัทมียอดขายโดยรวมอยู่ที่กว่า 4 พันล้านบาทต่อปี  และคาดการณ์ว่าตลาดโดยรวมจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ  โดยซูเลียนได้ขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านทั้ง ลาว , กัมพูชา และเมียนมาร์   ซึ่ง นายณัฐชานนท์ จุลล์จักรวงศา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวสนับสนุนหลักคิดดังกล่าวว่า ซูเลียนวางทิศทางการทำธุรกิจในปี 2024 ไว้หลายด้าน ประการแรกเรายังมุ่งรักษาคุณภาพสินค้าด้วยมาตรฐานระดับสูง ไปพร้อมกับการพัฒนาสินค้าใหม่ อาทิ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (Health Product) จากส่วนประกอบธรรมชาติ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้คนในปัจจุบันควบคู่กับสินค้าที่เป็นที่ยอมรับอยู่แล้ว ทั้งผลิตภัณฑ์กลุ่มบ้านและที่อยู่อาศัย (Home Care), ผลิตภัณฑ์เพื่อร่างกาย (Personal Care), เข็มขัด M-belt ส่วนในด้านการสนับสนุนผู้จัดจำหน่ายซูเลียน ยังคงรักษาระบบการสร้างคุณค่าด้วยมูลค่าจากผลลัพธ์ของการทำงาน โดยมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจ เพื่อสรรสร้างผู้จัดจำหน่ายที่มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น มีการจัดฝึกอบรมในด้านทักษะการเป็นผู้นำ เพื่อยกระดับชีวิตที่มีคุณภาพ และโอกาสทางธุรกิจให้ก้าวอย่างไม่หยุดยั้ง เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างรายได้ และโอกาสทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปอย่างยุติธรรม การันตีได้ว่าการเป็นผู้จัดจำหน่ายของซูเลียน คือโอกาสทางธุรกิจที่ให้หลักประกันความมั่นคงทางการเงินได้ในระยะยาว   “ซูเลียนมีการวางรากฐานระบบเครือข่ายที่แข็งแกร่งมาร่วม 2 ทศวรรษ ด้วยการกระจายความมั่นคงผ่านฐานผู้บริโภคที่มีตัวตนจริงในพื้นที่ดูแลของเอเจนซี่ทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน เราได้ให้ความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจในปัจจุบันเช่นกัน โดยมีโจทย์เพิ่มฐานนักธุรกิจรุ่นใหม่เข้ามารับช่วงต่อการเติบโตในอนาคต เป้าหมายที่เราวางไว้ มีทั้งสิทธิในการส่งต่อธุรกิจไปยังรุ่นลูก รวมถึงมีการปรับภาพลักษณ์ การลงทุนใหม่ ๆ เพื่อยกระดับศักยภาพขององค์กร เช่น ลงทุนพัฒนาคนผ่านการอบรมทางวิชาชีพ การเสริมประสิทธิภาพระบบจัดส่งสินค้าที่ทันสมัย “หรือแม้แต่การนำเครื่องมือออนไลน์มาใช้ขับเคลื่อนให้นักธุรกิจทำงานง่ายและเป็นมืออาชีพมากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y เปลี่ยนมุมมองว่างานขายตรงเป็นอีกแขนงอาชีพที่มีคุณค่า และช่วยให้ประสบความสำเร็จได้จริง” นายณัฐชานนท์ กล่าว   ซึ่งด้านของ นางสาวอรวรางค์ จุลล์จักรวงศา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ประเทศไทย บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด ได้เผยว่า ปัจจุบัน ซูเลียน ได้พัฒนาช่องทางจัดจำหน่ายทางออนไลน์ หรือ ‘Zhulian shopping Online’ เพื่อรองรับกับการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล ทำให้นักธุรกิจของเราสามารถสั่งซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดาย สะดวกสบาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ด้วยการจัดส่งที่ได้มาตรฐาน และยังเป็นโครงสร้างสำคัญที่ต่อยอดความมั่นคงของบริษัทฯ ให้พร้อมกับการทำตลาดในปี 2024 นี้ ผ่านเทรนด์การเชื่อมต่อธุรกิจแบบออฟไลน์และออนไลน์ “วิธีคิดของซูเลียนคือมองเป้าหมายว่าจะผลักดันองค์กรอย่างไร ให้การขายตรงสามารถเดินหน้าสอดคล้องไปกับโลกในยุคใหม่ เราจึงมีทั้งการประยุกต์นำเทคโนโลยีมาใช้ รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถให้นักธุรกิจใช้เทคโนโลยีอย่างคล่องแคล่ว เพื่อโอกาส และประโยชน์สูงสุดของการทำงาน ก็คือเทคโนโลยีจะเข้าไปแทรกในหลาย ๆ กระบวนการทำงานของนักธุรกิจ สั่งของได้สะดวกขึ้น เร็วขึ้น วางแผนง่ายขึ้น แต่การขายไปถึงมือของ End-user จะยังเป็นลักษณะของการเผชิญหน้าเพื่อให้คำแนะนำ-บอกข้อดีของสินค้าโดยตรงอยู่เช่นเดิม”     ทั้งนี้ ปัจจุบันภาพรวมของ ซูเลียน (ประเทศไทย) ยังคงมีการเติบโตในตลาดขายตรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแบบชงดื่มเพื่อสุขภาพ ‘คอฟฟี่พลัส กาแฟผสมโสม’ สินค้าอันดับ 1 ของบริษัทฯ ที่มียอดขายมากกว่า 10 ล้านซองต่อปี และมียอดขายผลิตภัณฑ์รวม 2,000 ล้านบาทต่อปี มีการเดินหน้าขยายการเติบโตครอบคลุมในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถรองรับการเติบโตเป็นเครือข่ายที่สร้างโอกาสทางธุรกิจที่เป็นไปได้มากที่สุด   เพื่อสร้างสินค้าและสังคมที่มีคุณภาพ พร้อมสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้ทรงคุณค่าและดำรงอยู่ตลอดไป ตามวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ  

12 Mar 2024

...

นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า ตามนโยบายภาครัฐที่ต้องการส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวไทยให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาค ดังนั้น SME D Bank  พร้อมเคียงข้างสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย คว้าโอกาสจากแนวโน้มการเติบโตของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะประเทศจีนที่เป็นตลาดใหญ่ มีกำลังซื้อสูง โดยร่วมกับ บริษัท ไบรท์สกาย เอวิเอชั่น จำกัด หรือ “Sky Vibe”  ผู้ให้บริการสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์บนเครื่องบินและจัดจำหน่ายสินค้าบนเครื่องบิน เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยนำสินค้าวางจำหน่ายบนสายการบิน “ไทยเวียตเจ็ท แอร์” ในเส้นทางบินระหว่างประเทศ จากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิสู่ประเทศจีน รวม 9 เส้นทาง ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย ชาวจีน และต่างชาติ  ช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพิ่มรายได้ ขยายตลาด คว้ากำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ และยังเป็นการขยายการรับรู้ Soft Power ไทย ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยด้วย      ทั้งนี้ SME D Bank จะส่งเสริมมอบความรู้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจนำสินค้าขายบนสายการบิน “ไทยเวียตเจ็ท แอร์”  ด้วยการจัดสัมมนาโครงการ “ติดปีกสินค้า SMEs ไทย สู่การขายบนสายการบิน” ในวันอังคารที่ 5 มีนาคม 2567 เวลา 13.00-18.00 น. ณ ห้องประชุมแก้ววิเชียร ชั้น 11 อาคาร SME Bank Tower สำนักงานใหญ่ SME D Bank เช่น แนะนำขั้นตอนการนำสินค้าจำหน่ายบนสายการบิน เทคนิคการทำตลาดโดยใช้ AI ผ่าน Chat GPT และ Google Bard  รวมถึง การเตรียมพร้อมเข้าถึงแหล่งทุน เป็นต้น สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจเข้างานโครงการ หรือใช้บริการด้านการพัฒนายกระดับกิจการ สามารถดูรายละเอียดกิจกรรมต่าง ๆ และสมัครแจ้งความประสงค์ได้ที่แพลตฟอร์ม DX (dx.smebank.co.th) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357  

29 Feb 2024

...

SME D Bank แก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนตามนโยบายรัฐบาลให้แก่เอสเอ็มอีไทยได้รับผลกระทบจากโควิด-19 (รหัส 21) ภายใต้มาตรการ “3 ลดปลดหนี้” บรรเทาภาระการเงิน สร้างโอกาสเริ่มต้นใหม่ไปต่อได้ ทั้งพักชำระหนี้เงินต้น 1 ปี ลดดอกเบี้ยให้ 1% และยกดอกเบี้ยค้างให้ทั้งหมด แจ้งความประสงค์ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 มิ.ย. 68 นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจ ดังนั้น SME D Bank  ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ พร้อมเคียงข้างช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กลุ่มรหัส 21 (วงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 10 ล้านบาท และเป็น NPL ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2566)  ซึ่งประสบความยากลำบากมายาวนาน และต่อเนื่อง  ธนาคารจึงดำเนินการช่วยเหลือต่อเนื่อง ผ่านมาตรการ “3 ลด ปลดหนี้” ทั้งลดผ่อน  ลดเงินต้น  และลดดอกเบี้ย เพื่อช่วยบรรเทาภาระทางการเงิน และสร้างโอกาสเริ่มต้นใหม่ กลับมาเดินหน้าธุรกิจได้ดีอีกครั้ง โดยลูกหนี้รหัส 21 จะได้รับความช่วยเหลือเมื่อชำระตามเงื่อนไขของธนาคาร ได้แก่  พักชำระหนี้เงินต้น 1 ปี  อีกทั้ง ระหว่างพักชำระเงินต้นได้ จะได้ลดดอกเบี้ย 1% ต่อปี นอกจากนั้น ยกดอกเบี้ยผิดนัดให้ทั้งหมด และหากปิดบัญชี ลดดอกเบี้ยค้างให้ 100%   สามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2568 ณ สาขา SME D Bank ที่ใช้บริการสินเชื่อ  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357     นอกจากนั้น  SME D Bank ยังให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม  ด้าน “การพัฒนา” ผ่านโครงการ “SME D Coach” จัดทีมโค้ชมืออาชีพให้คำปรึกษาแนะนำและดูแลแก้ปัญหาให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างใกล้ชิด จนสามารถปรับตัว และก้าวผ่านสถานการณ์ต่าง ๆ ไปได้ด้วยดี รวมถึง มีแพลตฟอร์มเสริมแกร่งธุรกิจครบวงจรเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองตลอด 24 ชม. ผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (https://dx.smebank.co.th/)  

09 Feb 2024

...

นางสาว ปริม ปัญญาเสรีพร ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาด“เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เทศกาล “ตรุษจีน” เป็นช่วงเวลาสำคัญทางวัฒนธรรมและประเพณีของชาวจีนรวมถึงคนไทยเชื้อสายจีนที่จะได้มีโอกาสพบปะสังสรรค์พร้อมหน้ากันภายในครอบครัวเพื่อความเป็นสิริมงคลรับปีใหม่ โดยทุกๆ ปีของช่วงเทศกาลดังกล่าว ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดห้องอาหารจีนในโรงแรมจะปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ เคทีซีจึงได้จับมือกับ 18 ห้องอาหารจีนจากพันธมิตรโรงแรมชั้นนำในกรุงเทพมหานคร มอบสิทธิพิเศษให้สมาชิกได้เฉลิมฉลองกับเทศกาลสำคัญอย่างคุ้มค่า เพียงสมาชิกใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี รับส่วนลดสูงสุด 30% โดยไม่ต้องใช้คะแนน KTC FOREVER ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 – 15 กุมภาพันธ์ 2567  สำหรับ 18 โรงแรมชั้นนำที่ร่วมรายการ ได้แก่ โรงแรมอนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ รีสอร์ท / โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค / โรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ / โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ / โรงแรมคาร์ลตัน กรุงเทพ สุขุมวิท / โรงแรมคอนราด กรุงเทพ / โรงแรม ดุสิต ปริ้นเซส ศรีนครินทร์ / โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ บางนา / โรงแรมโนโวเทลกรุงเทพ สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต / โรงแรมปรินซ์พาเลซ กรุงเทพ /โรงแรมเรดิสัน บลู พลาซ่า กรุงเทพ / โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ / โรงแรมเอสซี ปาร์ค / โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล / โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ / โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ / โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ และเดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ KTC PHONE  02 123 5000 หรือที่เว็บไซต์ https://www.ktc.co.th/promotion/dining/hotel-dining สมัครบัตรเครดิตได้ที่ศูนย์บริการสมาชิก เคทีซี ทัช ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือคลิกลิงค์  https://ktc.today/apply-card     หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนดจะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% 

04 Feb 2024

...

เพราะทุกคนมีภาพความงดงามของกรุงเทพฯ ในใจที่แตกต่างกัน ครั้งแรกกับเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2567 (Bangkok Design Week 2024) ที่กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจุดประกายไอเดียสร้างสรรค์ ภายใต้คอนเซปต์ “กรุงสี by กรุงศรี” (The City of Colours) ชวนทุกคนมาออกแบบและแชร์ไอเดียสีสันของกรุงเทพฯในแบบที่คุณอยากเห็น ให้กรุงเทพฯสดใสและน่าอยู่ยิ่งขึ้นและสามารถตอบโจทย์กับทุก ๆ รูปแบบของการใช้ชีวิตในแต่ละช่วงวัยได้อย่างครอบคลุมและเหมาะสม เพื่อให้ทุกคนได้มีชีวิตง่ายได้ทุกวัน พบกันได้ตั้งแต่ 27 มกราคม ถึง 4 กุมภาพันธ์ 2567 ณ อาคารไปรษณีย์กลางบางรัก กรุงเทพฯ   นางสาวมิ่งขวัญ พัฒนวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานบริหารแบรนด์และการตลาดองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงเทพฯไม่เพียงเป็นเมืองหลวง แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของโมเดลการพัฒนาในหลายมิติ รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยกรุงศรีพร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนกรุงเทพฯให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ มีศักยภาพสำหรับการใช้ชีวิตในแต่ละช่วงวัยอย่างแท้จริง ซึ่งเทศกาล Bangkok Design Week 2024 ครั้งนี้ก็มีโจทย์สนุก ๆ กับแนวคิดที่อยากให้กรุงเทพฯ เป็น Livable scape คนยิ่งทำ เมืองยิ่งดีที่น่าอยู่สำหรับทุกคน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของแบรนด์กรุงศรีที่อยากเห็นทุกคนมี “ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน” เราไม่เพียงดูแลในเรื่องทางการเงิน แต่ยังอยากเห็นทุกคนมีความสุขกับการใช้ชีวิตในทุกๆ วันมากยิ่งขึ้น”   “กรุงสี by กรุงศรี” (The City of Colours) ออกแบบผลงานดังกล่าวเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าร่วม โดยการให้คนนึกถึงกรุงเทพฯ เชิญชวนให้ผู้เข้าชมงานได้ฉุกคิดกับคำถาม “อยากเห็นกรุงเทพฯสีอะไร” และนำทุกคนเข้าไปอยู่ในกรุงเทพฯในสีที่อยากเห็นผ่านกิจกรรมการถ่ายภาพ พร้อมสรุปผลของผู้เข้าร่วมชมงานกับสีของกรุงเทพฯที่ทุกคนอยากเห็น ซึ่งเชื่อว่าจุดเล็ก ๆ ที่จุดประกายให้เกิดการต่อยอด เพื่อสร้างสรรค์กรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่สดใสและน่าอยู่ยิ่งขึ้น เป็นเมืองที่จะส่งเสริมให้เราได้ใช้ชีวิตง่าย ๆ ในแบบของทุกคนเอง นอกจากนี้ เพื่อช่วยสนับสนุนกรุงเทพฯ น่าอยู่ขึ้น กรุงศรีจะนำเชือก ซึ่งเป็นวัสดุหลักในงานออกแบบครั้งนี้ นำกลับไปใช้ซ้ำ (Reuse)     พบกับ “กรุงสี by กรุงศรี” (The City of Colours) พร้อมโซนกิจกรรมถ่ายภาพ เลือกกรุงเทพฯที่คุณอยากเห็น รับภาพถ่าย ทั้งตัวพรินต์ (Print) และไฟล์ที่ทุกคนสามารถแชร์กรุงเทพฯที่คุณอยากเห็น ผ่านโลกโซเชียลได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ถึง 4 กุมภาพันธ์ 2567 ณ อาคารไปรษณีย์กลางบางรัก กรุงเทพฯ  

28 Jan 2024

...

เคทีซีมอบสิทธิพิเศษเอาใจนักช้อปออกแคมเปญ “KTC New Year Shopping 2024 at Department Stores” ช้อปคุ้มกว่ากับสิทธิ์แลกรับส่วนลดเพิ่มหรือเครดิตเงินคืนสูงสุด 18% ทุกวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์ ที่ห้างสรรพสินค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีสูงสุด 35% เมื่อใช้จ่ายพร้อมรับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์สูงสุด 50,000 บาท ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2567 – 15 กุมภาพันธ์ 2567 จากมาตรการ “อีซี่ อี - รีซีท” หวังช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ 70,000 ล้านบาทตามความคาดหมายของรัฐบาล นายสรชัช ศรีลมูล ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลได้ออกมาตรการ “อีซี่ อี – รีซีท” (Easy E-Receipt) โดยให้สิทธิ์กับผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ยกเว้นห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการมาหักลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 50,000 บาทเพื่อกระตุ้นบริโภคภายในประเทศและคาดหวังมาตรการดังกล่าวจะช่วยให้เกิดเม็ดเงินสะพัดสู่ระบบเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า70,000 ล้านบาท เคทีซีจึงได้ออกแคมเปญ “KTC New Year Shopping 2024 at Department Stores” ร่วมกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่ร่วมรายการซึ่งสามารถออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้มอบสิทธิพิเศษให้สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2567 – 15 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อเป็นการสนับสนุนมาตรการของภาครัฐและกระตุ้นให้เกิดการบริโภคในประเทศ โดยมีรายละเอียดดังนี้ สิทธิพิเศษ แลกรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 18% เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตฯ ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่ร่วมรายการได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลทุกสาขา / ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์และเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ทุกสาขา /  ห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรียม / เอ็มควอเธียร์และดิเอ็มสเฟียร์ เฉพาะโซนดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ / ห้างสรรพสินค้าพารากอน / ห้างสรรพสินค้าบลูพอร์ต หัวหิน / ห้างสรรพสินค้าสยามทาคาชิมายะ / สยามดิสคัฟเวอรี่เฉพาะในส่วนของพื้นที่โอเพ่น สเปซ (เคาน์เตอร์แบรนด์สินค้าที่ร่วมรายการ) และไอคอนสยามเฉพาะในส่วนของพื้นที่โอเพ่น สเปซ (เคาน์เตอร์แบรนด์สินค้าที่ร่วมรายการ) โดยมีรายละเอียดดังนี้ แลกรับส่วนลดเพิ่ม 18% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์) ต่อเซลส์สลิป 5,000 บาทขึ้นไป และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป แลกรับส่วนลดเพิ่ม 15%  (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์) ต่อเซลส์สลิป 1 - 4,999 บาท และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป แลกรับส่วนลดเพิ่ม 13%  (เฉพาะวันจันทร์ - วันพฤหัสบดี) ไม่กำหนดยอดการใช้จ่ายขั้นต่ำ และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป ห้างสรรพสินค้าโรบินสันทุกสาขา มีรายละเอียดดังนี้ แลกรับส่วนลดเพิ่ม 18% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์)ยอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป 4,000 บาทขึ้นไป และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป แลกรับส่วนลดเพิ่ม 15%  (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์)ยอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป 1 - 3,999 บาท และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป แลกรับส่วนลดเพิ่ม 13%  (เฉพาะวันจันทร์ - วันพฤหัสบดี) ไม่กำหนดยอดการใช้จ่ายขั้นต่ำ และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป   สิทธิพิเศษ แลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 18% เมื่อมียอดใช้จ่ายออนไลน์ผ่านบัตรเครดิตฯ บนช่องทางบริการสั่งซื้อสินค้าของห้างสรรพสินค้า ได้แก่  Line Chat & Shop / Facebook Live และ Personal Shopper 1425 / Central Online Application และ www.central.co.th  ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล หรือ ช่องทาง M Chat & Shop / Call To Order และ Live Personal Shopper / M Online Application และ www.monline.com ของห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์กรุ๊ป  โดยมีรายละเอียดดังนี้ แลกรับเครดิตเงินคืน 18% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์) ออนไลน์ต่อรายการสั่งซื้อ 5,000 บาทขึ้นไป และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อรายการสั่งซื้อ แลกรับเครดิตเงินคืน 15% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์) ออนไลน์ต่อรายการสั่งซื้อ 1 - 4,999 บาท และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อรายการสั่งซื้อ แลกรับเครดิตเงินคืน 13%  (เฉพาะวันจันทร์ - วันพฤหัสบดี) และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อรายการสั่งซื้อ   เมื่อมียอดใช้จ่ายออนไลน์ผ่านบัตรเครดิตฯ บนช่องทาง Line Chat & Shop / Facebook Live และ Personal Shopper 1425 ของห้างสรรพสินค้าโรบินสัน โดยมีรายละเอียดดังนี้ แลกรับเครดิตเงินคืน 18% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์) ออนไลน์ต่อรายการสั่งซื้อ 4,000 บาทขึ้นไป และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อรายการสั่งซื้อ แลกรับเครดิตเงินคืน 15% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์) ออนไลน์ต่อรายการสั่งซื้อ 1 - 3,999 บาท และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อรายการสั่งซื้อ แลกรับเครดิตเงินคืน 13%  (เฉพาะวันจันทร์ - วันพฤหัสบดี) และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อรายการสั่งซื้อ   ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE 02 123 5000 หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ktc.co.th/promotion/shopping/department-store-shopping-complex/year-end-new-year สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนดจะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% ต่อปี

10 Jan 2024

ราชการ - รัฐวิสาหกิจ / ENERGY - พลังงาน

...

(เรียงจากซ้ายไปขวา)  1. นางสาวนวพร เรืองสกุล อดีตเลขาธิการ กบข. คนที่ 1,  2. นายวิสิฐ ตันติสุนทร อดีตเลขาธิการ กบข. คนที่ 2, 3. นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย อดีตเลขาธิการ กบข. คนที่ 3, 4. นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการ กบข., 5. นายสมบัติ นราวุฒิชัย อดีตเลขาธิการ กบข. คนที่ 4, 6. นายวิทัย รัตนากร อดีตเลขาธิการ กบข. คนที่ 5 และ 7. นางศรีกัญญา ยาทิพย์ อดีตเลขาธิการ กบข. คนที่ 6   นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)  เปิดเผยว่า วันที่ 27 มีนาคม เป็นวันครบรอบ 27 ปี การก่อตั้ง กบข. จึงได้จัดงานวันครบรอบการก่อตั้งขึ้น โดยมีนางสาวนวพร เรืองสกุล อดีตเลขาธิการ กบข. คนที่ 1 นายวิสิฐ ตันติสุนทร อดีตเลขาธิการ กบข. คนที่ 2    นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย อดีตเลขาธิการ กบข. คนที่ 3 นายสมบัติ นราวุฒิชัย อดีตเลขาธิการ กบข. คนที่ 4 นายวิทัย รัตนากร อดีตเลขาธิการ กบข. คนที่ 5 และนางศรีกัญญา ยาทิพย์ อดีตเลขาธิการ กบข. คนที่ 6 มาร่วมอวยพร พร้อมพบปะพนักงาน กบข. โดย นายทรงพล กล่าวว่า มีความรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่อดีตเลขาธิการทุกท่านได้สละเวลามาร่วมอวยพร เนื่องในวันครบรอบการก่อตั้ง ซึ่งอดีตเลขาธิการทุกท่าน มีความตั้งใจและทุ่มเทในการช่วยผลักดันองค์กรให้ประสบความสำเร็จ การที่ตนได้เข้ามารับตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการ กบข. ถือเป็นงานสำคัญ พร้อมสานต่อด้วยการให้ความสำคัญใน 3 ด้าน คือ สมาชิก ผู้มีส่วนได้เสีย และพนักงาน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้กองทุนไทยมีความมั่นคงอย่างยั่งยืน “อดีตเลขาธิการทุกท่านต่างมีเจตจำนงที่ต้องการให้ กบข. เติบโตอย่างมั่นคง และพร้อมสนับสนุนทุกด้าน และการที่ทุกท่านได้มาแบ่งปันข้อมูลต่างๆ ในสมัยที่รับตำแหน่ง ก็สามารถนำมาปรับใช้ในการดำเนินงาน เพื่อช่วยขับเคลื่อนให้ กบข. เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายทรงพล กล่าว   อนึ่ง กบข. ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2540 ภายใต้พระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2539 โดยมีหน้าที่นำเงินที่รับจากสมาชิกและส่วนราชการไปลงทุนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารฐานข้อมูลสมาชิก การจัดสรรผลประโยชน์จากการลงทุน การประชาสัมพันธ์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง การจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้แก่สมาชิก รวมถึงการจ่ายเงินและผลประโยชน์คืนให้แก่สมาชิกเมื่อพ้นสมาชิกภาพ   ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสวันครบรอบ 27 ปี กบข. จัดโครงการพิเศษเพื่อให้สมาชิกได้มีส่วนร่วมยินดีในวันครบรอบ ด้วยการมอบสิทธิพิเสษส่วนลดเติมน้ำมันที่ปั๊มบางจาก มูลค่า 30 บาท และ ส่วนลดร้าน Dairy Queen มูลค่า 30 บาท รวมถึงจัดแคมเปญพิเศษ ให้สมาชิกนำ GPF Point จำนวน 27 Point มาแลกสิทธิพิเศษ โค้ดส่วนลด LINE Man มูลค่า 100 บาท โค้ดส่วนลดค่าน้ำมัน PT มูลค่า 100 บาท ส่วนลด MK มูลค่า 100 บาท  พร้อมขอให้สมาชิกติดตามแคมเปญสิทธิพิเศษได้ตลอดทั้งปี สมาชิกสามารถแลกสิทธิพิเศษ ผ่านทาง แอป กบข. My GPF Application และ LINE กบข. @GPFCommunity

31 Mar 2024


...

รัฐมนตรีฯ กระทรวงอุตสาหกรรม ตรวจเยี่ยมและมอบโยบายการทำงานแก่ SME D Bank แนะใช้แนวทาง “รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง” ยกระดับองค์กร เพื่อเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลในการสนับสนุนเอสเอ็มอีไทย ด้าน SME D Bank ขานรับ ชูเรือธง  “เติมทุนคู่พัฒนา” สนับสนุนเอสเอ็มอีสู่ความสำเร็จ ส่งต่อคุณประโยชน์สู่ทุกภาคส่วน พาเศรษฐกิจและสังคมไทยเติบโตเข้มแข็งยั่งยืน   นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ภายใต้สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงการคลัง ว่า ได้มอบนโยบายการทำงานแก่คณะกรรมการ และคณะผู้บริหาร SME D Bank  ให้เดินหน้าสนับสนุนเอสเอ็มอีกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึง สอดคล้องกับ Thailand Vision ที่ตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใน 8 ด้าน ได้แก่ การท่องเที่ยว การแพทย์-สุขภาพ อาหาร การบิน การขนส่ง ยานยนต์อนาคต ดิจิทัล และการเงิน โดยให้บริการด้านการพัฒนาควบคู่กับการให้สินเชื่อ พร้อมเชื่อมโยงและใช้ประโยชน์จากเครือข่ายพันธมิตรภายในและภายนอกกระทรวงอุตสาหกรรม   ทั้งนี้ ขอให้ SME D Bank นำแนวทาง “รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง” มายกระดับขั้นตอนการทำงาน หมายถึง รื้อ ลด และปลด สิ่งที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจของเอสเอ็มอี พร้อมกับสร้างสิ่งใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนเอสเอ็มอี  เช่น การพัฒนาศูนย์ One Stop Service สำหรับให้บริการกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในทุกกระบวนการ และมุ่งสู่การเป็น Digital Banking โดยสมบูรณ์ นอกจากนี้ ธนาคารจะต้องใช้ประโยชน์จากข้อมูล Data Warehouse และระบบ Core Banking System (CBS) ที่ธนาคารพัฒนาขึ้น เพื่อนำไปวิเคราะห์ วิจัย และประมวลผลให้ได้ข้อมูลเชิงลึก (SME Insight) สำหรับกำหนดเป็นนโยบายสนับสนุนเอสเอ็มอีต่อไป นอกจากนั้น SME D Bank ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ จะต้องวางภาพลักษณ์องค์กรเป็น Professional Banking มีวัฒนธรรมการทำงานที่โปร่งใส เป็นธรรม และเป็นมืออาชีพ   “ดิฉันมั่นใจในศักยภาพของ SME D Bank และยินดีที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของ SME D Bank ในทุกมิติ เพื่อให้ SME D Bank เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล สามารถช่วยเหลือและเพิ่มศักยภาพแก่เอสเอ็มอีไทย ซึ่งจะสร้างประโยชน์ ก่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างอาชีพ ประชาชนมีรายได้ คุณภาพชีวิตดีขึ้น ส่งต่อประโยชน์ไปยังทุกภาคส่วน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ทำให้ประเทศไทยเติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน” นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าว   นายเดชา จาตุธนานันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม และประธานกรรมการ SME D Bank กล่าวว่า  SME D Bank พร้อมขานรับดำเนินการตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ผ่านกระบวนการ “เติมทุนคู่พัฒนา” ช่วยเอสเอ็มอีเติบโตอย่างเข้มแข็ง  โดยด้าน “การเงิน” จัดเตรียมผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่มเอสเอ็มอี วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท นอกจากนั้น ยังเป็นสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ ผ่อนนานพิเศษสูงสุด 15 ปี และปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 24 เดือน ช่วยลดภาระทางการเงิน อีกทั้ง ใช้กลไกบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สนับสนุนกลุ่มที่ไม่มีหลักประกันให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ ขณะเดียวกัน พิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง ทั้งนี้ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา SME D Bank ดูแลช่วยเหลือเอสเอ็มอีอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง สามารถพาเข้าถึงแหล่งเงินทุนกว่า 231,250 ล้านบาท ก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยกว่า  1 ล้านล้านบาท และช่วยรักษาการจ้างงานได้กว่า 752,345 ราย ควบคู่กับช่วยพัฒนาเสริมศักยภาพเอสเอ็มอีกว่า 75,000 ราย อีกทั้ง ช่วยเหลือผ่านมาตรการปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน (ฟ้า-ส้ม) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กว่า 83,520 ราย วงเงินรวมกว่า 145,240 ล้านบาท   ส่วนด้าน “การพัฒนา” ยกระดับศักยภาพเอสเอ็มอี ผ่านโครงการ SME D Coach ที่เชื่อมโยงการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกว่า 50 แห่งมาไว้ในจุดเดียว เน้นเติมความรู้ใน 6 ด้านสำคัญ ได้แก่ 1.การตลาด  2.มาตรฐาน พัฒนาผลิตภัณฑ์  3. เทคโนโลยีและนวัตกรรม 4. การเงิน เขียนแผนธุรกิจ บัญชี ภาษี 5.การผลิต และ  6.บ่มเพาะเตรียมพร้อมเข้าสู่แหล่งทุน ทั้งนี้ SME D Bank ยังดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล แก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบให้แก่ประชาชนและเอสเอ็มอี โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กลุ่มรหัส 21 (วงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 10 ล้านบาท และเป็น NPL  ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2566) ผ่านมาตรการต่าง ๆ  เช่น พักชำระหนี้เงินต้น 1 ปี อีกทั้ง ระหว่างพักชำระเงินต้นจะได้ลดดอกเบี้ย 1% ต่อปี นอกจากนั้น ยกดอกเบี้ยผิดนัดให้ทั้งหมด และหากปิดบัญชี ลดดอกเบี้ยค้างให้ 100% เป็นต้น สามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2568 ณ สาขา SME D Bank ที่ใช้บริการสินเชื่อ   สำหรับปีนี้ (2567) SME D Bank ยังเดินหน้ากระบวนการ “เติมทุนคู่พัฒนา” พร้อมยกระดับนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาให้บริการเอสเอ็มอีได้คลอบคลุม และกว้างขวางยิ่งขึ้น ได้แก่ ระบบ Core Banking System (CBS) ที่สามารถให้บริการทางการเงินได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง และแพลตฟอร์ม DX  (Development Excellent) ระบบพัฒนาผู้ประกอบการอัจฉริยะ สร้างสังคมของการเรียนรู้  e-Learning ศึกษาได้ด้วยตัวเอง 24 ชม. ช่วยเติมศักยภาพให้เอสเอ็มอีสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน  

14 Mar 2024

...

เลขาธิการ กบข. คนใหม่ “ทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์” พร้อมเริ่มงานรับตำแหน่ง มีเป้าหมายพัฒนา กบข.เป็นกองทุนที่มีความมั่งคั่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่สมาชิก และสร้างฐานการคลังไทยให้มีความมั่นคงและยั่งยืน   นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เข้ามาปฏิบัติหน้าที่วันแรก โดยมีผู้บริหารและพนักงาน กบข. ให้การต้อนรับ หลังจากได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการ กบข. ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป ด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญการบริหารการเงิน การคลัง และการลงทุน มีวิสัยทัศน์ที่ตรงกับภารกิจของ กบข. และมีเป้าหมายการดำเนินงานที่จะพัฒนาองค์กรให้เป็นกองทุนที่มีความมั่งคั่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่สมาชิก และสร้างฐานการคลังไทยให้มีความมั่นคงและยั่งยืน   ทั้งนี้ นายทรงพล มีประสบการณ์การทำงานด้านการบริหารการเงิน การคลัง และการลงทุนในตำแหน่งสำคัญ อาทิ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) รองกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กรรมการบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรรมการบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด กรรมการบริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์จำกัด (มหาชน) กรรมการองค์การเภสัชกรรม กรรมการบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัด (มหาชน)   ด้านการศึกษา นายทรงพล จบการศึกษา ระดับปริญญาโทจาก Master of Business Administration with Finance, Case Western Reserve University ระดับปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต B.S. Finance, University of Findlay นอกจากนี้ ยังผ่านหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงอื่น ๆ อาทิ นักบริหารการเงินการคลังระดับสูง รุ่นที่ 3 กรมบัญชีกลาง และหลักสูตรต่าง ๆ ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ดังนี้ หลักสูตร Corporate Governance for Capital Market Intermediaries (CGI) รุ่นที่ 7/2015 หลักสูตร Director Certification Program (DCP) รุ่นที่ 231/2016 และหลักสูตร IT Governance and Cyber Resilience Program (ITG) รุ่นที่ 15/2020

13 Mar 2024

...

เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2567 นายรณชัย วินทวามร ผู้ช่วยเลขาธิการกลุ่มงานเทคโนโลยีสารสนเทศ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เป็นตัวแทน กบข. เข้ารับประกาศนียบัตรรางวัลชุดข้อมูลเปิดทรงคุณค่า จาก ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ภายในงานวันข้อมูลเปิดนานาชาติ (International Open Data Day 2024) ณ สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย     โดย กบข. ได้ให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ มีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่เหมาะสม และเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานได้ใช้หลักธรรมาภิบาล เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิก และผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดมาโดยตลอด ทั้งนี้ งานวันข้อมูลเปิดนานาชาติ (International Open Data Day 2024) จัดขึ้นโดย สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ภายใต้หัวข้อ “Data-Driven for Sustainability: การขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” เพื่อส่งเสริมการใช้งานระบบข้อมูลแบบเปิด (Open Data) ที่เป็นกุญแจสำคัญในการเดินหน้าประเทศสู่การเป็นรัฐบาลเปิดได้อย่างยั่งยืน    

10 Mar 2024

...

กบข. จัดส่งเอกสารใบแจ้งยอดเงินประจำปี พร้อมเปิดให้สมาชิกดาวน์โหลด e-Statement แล้ว พร้อมประชาสัมพันธ์ให้สมาชิกเลือกรับ e-Statement ในปีถัดไป เพื่อร่วมกันรักษ์โลก ลดการใช้กระดาษ   นายอาสา อินทรวิชัย รองเลขาธิการกลุ่มงานลงทุนและค้าตราสาร รักษาการในตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข. ) เปิดเผยว่า กบข. ได้ดำเนินการจัดส่งเอกสารใบแจ้งยอดเงินสมาชิกประจำปี 2566 ให้กับสมาชิกทั่วประเทศแล้ว ทั้งในรูปแบบเอกสารผ่านหน่วยงานต้นสังกัด และรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Statement) ตามที่อยู่อีเมลของสมาชิกที่ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขอรับ e-Statement ไว้ โดยใบแจ้งยอดเงินสมาชิก จะแสดงข้อมูลรายละเอียดยอดเงิน ณ สิ้นปี 2566 ทั้งเงินสะสมที่สมาชิกนำส่ง เงินที่รัฐสมทบให้ และผลตอบแทนที่ กบข. บริหารให้ แจกแจงตามประเภทของเงินและตามแผนการลงทุน สำหรับยอดเงิน กบข. ที่สมาชิกจะนำไปใช้ในประกอบการยื่นภาษีประจำปี จะอยู่ในส่วน “เอกสารรับรองการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อกรมสรรพากร” บริเวณด้านล่างของใบแจ้งยอดเงินหน้าแรก ทั้งนี้ กบข. ได้อำนวยความสะดวกให้แก่สมาชิก ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลการนำส่งเงินสะสมเข้ากองทุนกับทางกรมสรรพากร เมื่อยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีผ่านช่องทางออนไลน์ จะแสดงข้อมูลเงินสะสม กบข. อัตโนมัติ โดยสมาชิกจะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในส่วนของยอดเงินสะสมระหว่างปี 2566 ซึ่งเมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท     ทั้งนี้ สมาชิก กบข. สามารถดาวน์โหลด e-Statement ผ่าน 3 ช่องทางออนไลน์ ดังนี้ 1. My GPF Application ที่เมนู "ดาวน์โหลด e-Statement" 2. My GPF Website ที่เมนู "บัญชีของฉัน" และเลือก "ดาวน์โหลด e-Statement" และ 3. LINE กบข. @gpfcommunity เข้าผ่านสมาร์ตโฟน ที่เมนู "ดาวน์โหลดใบแจ้งยอดเงินประจำปี 2566" ในเมนูหน้าแชท ซึ่งสมาชิกจะได้รับใบแจ้งยอดเงินเป็นไฟล์สกุล .pdf ที่มีรหัสผ่านเพื่อความปลอดภัยของข้อมูลสมาชิก นาย อาสา กล่าวเพิ่มเติมว่า ใบแจ้งยอดเงินสมาชิก ถือเป็นเอกสารสำคัญ ที่ กบข. ต้องแจ้งความเคลื่อนไหวเงินในบัญชีให้สมาชิกได้รับทราบ โดยในแต่ละปี กบข. ต้องผลิตใบแจ้งยอดเงิน เฉลี่ย 5 ล้านแผ่น จึงขอเชิญชวนให้สมาชิกลงทะเบียนรับ e-Statement นอกจากจะทำให้สมาชิกสามารถดูใบแจ้งยอดเงินได้ตลอดผ่านช่องทางออนไลน์ของ กบข. ที่สะดวกรวดเร็ว ยังได้มีส่วนช่วยในการลดการใช้กระดาษ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook กบข. หรือ LINE กบข. @gpfcommunity หรือศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก โทร 1179

06 Feb 2024

...

ธ.ก.ส. โอนเงินตามโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว (ไร่ละพัน) ปีการผลิต 2566/67 รอบที่ 5 จำนวนกว่า 5 หมื่นครัวเรือน เป็นเงินกว่า 345 ล้านบาททั่วประเทศ นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า วันนี้ ธ.ก.ส. ได้ดำเนินการโอนเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท สูงสุด     ไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 20,000 บาท กรอบวงเงินรวม 54,336 ล้านบาท เป้าหมายเกษตรกรได้รับประโยชน์กว่า 4.68 ล้านครัวเรือน โดยมีกำหนดจ่ายรอบที่ 5 จำนวน 5 หมื่นครัวเรือน เป็นเงิน 345 ล้านบาท ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ได้โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ไปแล้ว 4 รอบ ได้แก่ รอบที่ 1 ระหว่างวันที่ 28 พ.ย. - 2 ธ.ค. 2566 รอบที่ 2 เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2566 รอบที่ 3 เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2566 และรอบที่ 4 เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2567 โดยจากการโอนเงินดังกล่าว สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้แล้วกว่า 4.62 ล้านครัวเรือน เป็นเงินจำนวน 52,941 ล้านบาท ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถตรวจสอบผลการโอนเงินได้ทางแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ตลอด 24 ชั่วโมง จะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีผ่านบริการ BAAC Connect ทาง Line: BAAC Family ด้วย หรือผ่านทาง https://chongkho.inbaac.com      

04 Feb 2024

...

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผยเทรนด์การผลิตเฟอร์นิเจอร์ โดยใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติมาแรงในกลุ่มประเทศนอร์ดิก หลังมีส่วนช่วยในการปกป้องสิ่งแวดล้อม แนะผู้ประกอบการไทยศึกษา และนำมาปรับใช้ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ มั่นใจมีโอกาสทำตลาดได้เพิ่มขึ้น   นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมฯ ได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ และให้รายงานผลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับรายงานจากนางสาวณิชพร วรรณพฤกษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโคเปเฮเกน เดนมาร์ก ถึงผลการสำรวจตลาดเฟอร์นิเจอร์ ที่มีการพัฒนานวัตกรรมวัตถุดิบจากธรรมชาติ เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม ทำให้ตลาดมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และโอกาสในการขยายตลาดเฟอร์นิเจอร์ของไทย โดยทูตพาณิชย์ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันบริษัทผู้ประกอบการนอร์เวย์ ได้มีการพัฒนานวัตกรรมวัตุดิบเฟอร์นิเจอร์จากธรรมชาติเพิ่มขึ้น เช่น บริษัท Agoprene จากกรุงออสโล พัฒนานวัตกรรมใหม่ที่เรียกว่า Biofoam ที่เข้ามาทดแทนโฟมดั้งเดิมที่ผลิตจากพลาสติก เพื่อนำมาใช้เป็นวัสดุบุในเฟอร์นิเจอร์ โดยเริ่มต้นการวิจัยและทดลองจากการใช้เปลือกหอยนางรม บดเป็นผง และเปลี่ยนเป็นวัสดุฟอง ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันกับที่ใช้กับขยะเกษตรกรรม (Agricultural waste) และเส้นใยไม้ (wood fibres) ที่ใช้ในปัจจุบัน แต่พบปัญหาว่า หลังจากได้ลองใช้วัสดุต่าง ๆ มากมาย ส่วนใหญ่กลับกลายเป็นโฟมแข็ง ไม่สามารถสร้างความยืดหยุ่นได้ จนในที่สุด ได้ค้นพบวิธีที่สามารถทำให้โฟมยืดหยุ่นได้ คือ การใช้สาหร่ายมาเป็นวัตถุดิบการผลิต โดยแปลงเป็นผงและอบในเตาอบแบบพิเศษ โดยจะสร้างโฟมเป็นลักษณะบล็อก ซึ่งมีความนุ่มเพียงพอสำหรับใช้กับเบาะรองนั่งและเก้าอี้ โดยเป้าหมายของบริษัท คือ การลดการใช้พลาสติกโพลีเมอร์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในชิ้นส่วนการผลิตเฟอร์นิเจอร์ กล่าวคือ การพัฒนาวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่เป็นชิ้นส่วนในหมอน โซฟา และเบาะเก้าอี้ ทั้งนี้ โฟมจากสาหร่าย สามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้ 100% ลูกค้าสามารถทิ้งโฟมนี้ไว้ในดิน และโฟมจะย่อยสลายตามธรรมชาติภายในเวลา 8 เดือน หรือเร็วกว่านั้น หากหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาโอกาสในการขยายปริมาณการผลิตโดยการย้ายไปยังโรงงานผลิตที่ใหญ่ขึ้นในปีหน้า ขณะเดียวกัน มีข้อมูลอีกว่า บริษัทผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์จากเดนมาร์ก คือ Mater ได้ผลิตเก้าอี้และพนักพิงที่ทำจากวัสดุเปลือกเมล็ดกาแฟ และขี้เลื่อยที่เหลือจากการผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่อื่น และผลิตเฟอร์นิเจอร์กลางแจ้งที่ทำจากขยะจากมหาสมุทร ส่วนบริษัทเฟอร์นิเจอร์ยักษ์ใหญ่ของโลก IKEA จากสวีเดน ได้วางนโยบายการใช้เฉพาะวัสดุหมุนเวียนและรีไซเคิลมาใช้เป็นวัตถุดิบในผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์เท่านั้นภายในปี 2573 นายภูสิตกล่าวว่า จากแนวโน้มเฟอร์นิเจอร์ในกลุ่มประเทศนอร์ดิกที่ให้ความสำคัญกับวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การออกแบบที่เรียบง่าย และความมุ่งมั่นต่อความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งการเลือกใช้วัสดุธรรมชาติและอินทรีย์ เช่น สาหร่าย เปลือกเมล็ดกาแฟ และขี้เลื่อย รวมถึงการนำวัสดุอื่น ๆ จากธรรมชาติมาใช้ เช่น ผ้าลินิน ขนสัตว์ และปอ โดยวัสดุเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ยั่งยืนเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างบรรยากาศสบาย ๆ กับผู้ใช้ด้วย ทำให้สินค้าเป็นที่ต้องการมากขึ้น นอกจากนี้ ยังพบว่า ในการออกแบบมีการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่ถอดส่วนประกอบได้ รีไซเคิลได้ ออกแบบที่เรียบง่าย มีการผลิตแบบประหยัดพลังงาน การใช้ไม้จากแหล่งที่ยั่งยืน และไม้ที่ได้รับการรับรอง และนิยมเฟอร์นิเจอร์ที่ปรับแต่งเข้ากับห้องได้หลายรูปแบบ (Modular Furniture) ซึ่งผู้ประกอบการเฟอร์นิเจอร์ของไทย หากต้องการเจาะตลาดในกลุ่มประเทศนอร์ดิก ควรจะศึกษารูปแบบการผลิตที่เน้นการใช้วัสดุที่ปกป้องสิ่งแวดล้อม และนวัตกรรม หากทำได้ตามนี้ ก็จะมีโอกาสในการส่งออกและทำตลาดได้มากขึ้น สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169  

21 Jan 2024

Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีนโยบายเร่งรัดการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน และได้สั่งการให้ธนาคารออมสินหาแนวทางในการช่วยเหลือประชาชนลดภาระการผ่อนชำระหนี้ที่มีอยู่เดิม โดยเฉพาะผู้มีหนี้ที่เป็นกลุ่มเปราะบาง ตลอดจนผู้ที่ประสบปัญหาสภาพคล่องอันเป็นผลกระทบจากปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจ ดังนั้น เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายรัฐ และสอดรับกับบทบาทธนาคารเพื่อสังคม ธนาคารจึงพิจารณาออกมาตรการรีไฟแนนซ์ ภายใต้โครงการ “สินเชื่อออมสินรีไฟแนนซ์เพื่อสังคม” รับรีไฟแนนซ์หนี้เดิม (ไม่ใช่การปล่อยสินเชื่อใหม่) เพื่อช่วยลดภาระแก่ลูกหนี้ 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) ลูกหนี้บัตรเครดิต 2) ลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล หรือ Personal Loan (P-Loan) 3) ลูกหนี้สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ (Nano Finance) 4) ลูกหนี้สินเชื่อบ้าน ซึ่งการเปิดให้รีไฟแนนซ์สินเชื่อด้วยหลักเกณฑ์ดอกเบี้ยต่ำ พร้อมเงื่อนไขพิเศษอื่นครั้งนี้ ตั้งเป้าช่วยเหลือประชาชนลดภาระการชำระหนี้ ผ่อนสบายมากขึ้น หรือผู้ที่รีไฟแนนซ์แล้วแต่ประสงค์ผ่อนชำระเงินงวดเท่าเดิม ก็จะตัดเงินต้นมากขึ้นเพราะดอกเบี้ยลดลง ทำให้ปิดหนี้ได้เร็วขึ้น โดยมีรายละเอียดหลักเกณฑ์ทั้ง 4 มาตรการ ดังนี้    1. Re-Card : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้บัตรเครดิต ที่ต้องการกู้เงินเพื่อไปชำระหนี้บัตรเครดิตของสถาบันการเงิน หรือ Non-Bank อื่น โดยการรีไฟแนนซ์/รวมหนี้บัตรเครดิตมาผ่อนชำระกับธนาคารออมสินในรูปแบบเงินกู้ระยะยาว (Long Term Loan) ช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากเดิม 16% ต่อปี ลงเหลือ 8.99% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น) วงเงินกู้ไม่เกิน    5 เท่าของรายได้รวม สูงสุดไม่เกินรายละ 500,000 บาท และไม่ต้องมีหลักประกัน ซึ่งการรีไฟแนนซ์จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ลูกหนี้ ยกตัวอย่างกรณีเป็นหนี้บัตรเครดิต 100,000 บาท ปัจจุบันต้องจ่ายดอกเบี้ย 16% ต่อปี และผ่อนชำระขั้นต่ำ 8% ซึ่งเท่ากับ 8,000 บาทต่อเดือน เมื่อรีไฟแนนซ์มาเป็นเงินกู้ระยะยาว ธนาคารให้ผ่อนชำระได้สูงสุดไม่เกิน 7 ปี ที่อัตราดอกเบี้ย 8.99% ต่อปี ทำให้ลดเงินงวดเหลือ 1,700 บาทต่อเดือนเท่านั้น     2. Re P-Loan : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan : P-Loan) ที่ต้องการกู้เงินเพื่อไปชำระหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล P-Loan ของสถาบันการเงิน หรือ Non-Bank อื่น ซึ่งเมื่อรีไฟแนนซ์/รวมหนี้มาผ่อนชำระกับธนาคาร จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากเดิมประมาณ 25% ต่อปี ลงเหลือ 15% ต่อปี วงเงินให้กู้ตามภาระหนี้คงเหลือของสัญญากู้เดิม สูงสุดไม่เกินรายละ 100,000 บาท และไม่ต้องมีหลักประกัน ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 5 ปี 3. Re-Nano : รับรีไฟแนนซ์สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อย ที่ต้องการปลดหนี้สินเชื่อ Nano Finance ที่กู้ไปเพื่อลงทุนในการประกอบอาชีพ ซึ่งเมื่อรีไฟแนนซ์/รวมหนี้มาผ่อนชำระกับธนาคาร จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากเดิม 33% ต่อปี ลงเหลือ 18% ต่อปี วงเงินให้กู้ตามภาระหนี้คงเหลือของสัญญากู้เดิม สูงสุดไม่เกินรายละ 200,000 บาท ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 8 ปี โดยธนาคารออมสินร่วมกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการค้ำประกันการกู้ 4. Re-Home : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัย ที่ต้องการกู้เงินเพื่อไถ่ถอนจำนองที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินอื่น วงเงินกู้ 1-5 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรีไฟแนนซ์มาผ่อนชำระกับธนาคาร จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยตามสัญญาเดิมที่ประมาณ 6 - 7% ต่อปี ลงเหลือ 1.95% ในปีที่ 1 (ปีที่ 2 = 2.95% ปีที่ 3 = 3.95%) คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.95% ต่อปี พร้อมเงื่อนไขผ่อนต่ำ ปีที่ 1 ผ่อนชำระเงินงวดล้านละ 3,000 บาท/เดือน ปีที่ 2 ล้านละ 4,000 บาท/เดือน และปีที่ 3 ล้านละ 5,000 บาท/เดือน อนึ่ง ธนาคารสนับสนุนนโยบายรัฐในการแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือนของประชาชน ให้สามารถมีเงินเหลือใช้สอยดำรงชีพโดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งเงินกู้นอกระบบ รวมถึงส่งเสริมการปลูกฝังทัศนคติการกู้เงินเท่าที่จำเป็นและผ่อนไหว ทั้งนี้ มาตรการสินเชื่อรีไฟแนนซ์ “โครงการสินเชื่อออมสินรีไฟแนนซ์เพื่อสังคม” เพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน เปิดให้ยื่นขอกู้ได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 และจัดทำนิติกรรมสัญญาภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567  

21 Apr 2024

...

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate 0.15% ต่อปี จาก 6.75% เหลือ 6.60% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ EXIM BANK ใช้สำหรับลูกค้าทั่วไปและลูกค้า SMEs เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี หรือ MRR ของธนาคารพาณิชย์) นับเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่ต่ำที่สุดในระบบ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ไทยในเทศกาลสงกรานต์นี้ให้แก่ผู้ประกอบการ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567 เป็นต้นไป ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate ในครั้งนี้เป็นการขานรับนโยบายของรัฐบาลในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยลดภาระให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจของ EXIM BANK ในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้มีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ บรรเทาภาระหนี้และต้นทุนทางธุรกิจ และสามารถปรับตัวให้แข่งขันในเวทีโลกได้อย่างยั่งยืนในสภาวะที่เศรษฐกิจไทยเติบโตในอัตราที่ช้าลง ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง  

13 Apr 2024

...

กบข. ร่วมกับทิพยประกันภัย มอบประกันอุบัติเหตุ และประกันบ้านปลอดภัย ให้สมาชิก กบข. เที่ยวสงกรานต์อย่างอุ่นใจ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และไม่จำกัดสิทธิ์ ให้ความคุ้มครองนาน 30 วัน   นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)  เปิดเผยว่า กบข. ห่วงใยสมาชิกช่วงเทศกาลสงกรานต์ จึงร่วมกับ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) มอบสิทธิพิเศษ “ประกันภัยอุบัติเหตุ” และ “ประกันภัยบ้าน” ให้แก่สมาชิก โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และไม่จำกัดสิทธิ์ เพื่อให้สมาชิกอุ่นใจ ไม่มีความกังวลปัญหาเรื่องบ้านและความปลอดภัย เมื่อเดินทางท่องเที่ยว หรือกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยสิทธิพิเศษ สมาชิก กบข. รับฟรีประกันภัยอุบัติเหตุ วงเงินคุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท จะให้ความคุ้มครองสำหรับความสูญเสียหรือเสียหายของร่างกาย อันเกิดจากความบาดเจ็บซึ่งเกิดจากปัจจัยภายนอกร่างกายของผู้เอาประกันภัยโดยอุบัติเหตุตลอด 24 ชั่วโมง ให้ความคุ้มครองนาน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ลงทะเบียนรับสิทธิ์ และสิทธิพิเศษ สมาชิก กบข. รับฟรีประกันภัยสงกรานต์สุขใจบ้านปลอดภัย วงเงินคุ้มครองสูงสุด 30,000 บาท ให้ความคุ้มครองกรณีบ้านและคอนโดเกิดเหตุไฟไหม้ ความเสียหายจากภัยธรรมชาติ รวมถึงบ้านโดนโจรกรรม ให้ความคุ้มครองนาน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ลงทะเบียนรับสิทธิ์ กรณีที่บ้านได้รับความเสียหายจนต้องหาที่พักอาศัยชั่วคราวจะได้รับค่าเช่าที่พักอาศัยชั่วคราว 300 บาท/วัน ไม่เกิน 30 วัน ทั้งนี้ สมาชิก กบข. ที่สนใจสามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 6-12 เมษายน 2567 ผ่านทางไลน์ กบข. @gpfcommunity กดที่แบนเนอร์ประกันที่สมาชิกต้องการ เพื่อไปที่ไลน์ @tipgo จากนั้นกดเข้าเมนู “ลงทะเบียนประกันภัยอุบัติเหตุ หรือประกันสงกรานต์สุขใจบ้านปลอดภัย” และทำตามขั้นตอนการรับประกัน เมื่อลงทะเบียนสำเร็จ จะได้รับอีเมลยืนยันความคุ้มครองจากทิพยประกันภัย โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของสวัสดิการสมาชิก ซึ่ง กบข. ได้ร่วมมือกับพันธมิตรสวัสดิการอย่างต่อเนื่อง เพื่อจัดหา ออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่หลากหลายและเหมาะสม ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ทางการเงินและประกัน ตลอดจนสิทธิพิเศษส่วนลดอาหาร-เครื่องดื่ม บริการ และสินค้าทั่วประเทศ เฉพาะสมาชิก กบข. โดยสมาชิกสามารถติดตามรายละเอียดสวัสดิการทั้งหมดได้ที่เว็บไซต์ กบข. LINE กบข. และ My GPF Application สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook กบข. หรือ LINE กบข. @gpfcommunity หรือศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก โทร. 1179  

11 Apr 2024

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รับรางวัลเกียรติยศ Business Excellence in Thailand 2023 TOP CEO ภายในงาน 2023 ASIA CEO SUMMIT & AWARD CEREMONY งานมอบรางวัลสุดยอดผู้บริหารและแบรนด์ชั้นนำในเอเชีย โดยเลือกผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ด้วยเป็นผู้นำที่ได้เปลี่ยนธนาคารออมสินมาสู่การเป็นธนาคารเพื่อสังคม ที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมในมิติของการลดความเหลื่อมล้ำและแก้ปัญหาความยากจนได้อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการดำเนินโครงการต่างๆ จำนวนมาก ตลอดปี 2563 - 2565 ซึ่งถือเป็นหน่วยงานหลักในการให้ความช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจให้ผ่านพ้นสถานการณ์ในช่วงวิกฤตโควิด-19 มาได้อย่างเข้มแข็ง อาทิ สินเชื่อ SMEs มีที่ มีเงิน สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ โครงการสร้างงานสร้างอาชีพ และโครงการ Holistic Area-based Development จังหวัดน่าน รวมทั้งเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและความมั่งคั่งให้กับคนไทย โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า และเพิ่มความสะดวกสบายในการเข้าถึงบริการทางการเงินด้วย ทั้งนี้ การมอบรางวัลดังกล่าว จัดขึ้นโดย บริษัท อินฟลูเอ็นเชี่ยล แบรนด์ ประเทศสิงคโปร์ และ บริษัท นิโอ ทาร์เก็ต จำกัด เพื่อเป็นเกียรติแก่แบรนด์ชั้นนำที่สร้างผลกระทบต่อผู้บริโภคและประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจมากที่สุด ณ โรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้    

08 Apr 2024

Banner Banner Banner

Banner
  ทิศทาง ceothailand.net ในปี 2567  “สื่อออนไลน์ CEO THAILAND”   ในปี 2567 จะเป็นปีที่ผม “นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์” จะมาทำหน้าที่บรรณาธิการบริหารสื่อ CEO THAILAND และผู้บริหารสื่อออนไลน์ ceothailand.net อย่างเต็มที่ หลังจากที่ผ่านมาได้ไปเดินแผนงานทางด้านการเมือง แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงการเลือกตั้งไปแล้วที่ผ่านมา จึงทำให้ช่วงเวลานี้มีเวลาที่จะมาวางแผนในการเดินหน้าธุรกิจสื่อได้มากขึ้น และในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีนับจากนี้ จึงขอเข้ามารับหน้าที่สื่อมวลชน ในการเขียนบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องราวในแวดวงเศรษฐกิจ-การเงิน และการประกันภัย ในฐานะของคอลัมนิสต์ ตลอดเวลาที่ผมเข้าไปทำงานทางการเมือง ต้องยอมรับว่าวงการข่าวและสื่อสารมวลชนเปลี่ยนไปเร็ว ตลอดเวลา 5 ปี  สื่อออนไลน์ที่รวดเร็วเข้ามาแทนที่สื่อหลักอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ (ออฟไลน์)  เราต้องยอมรับในเรื่องความรวดเร็ว แต่ต้องไม่ลืมจุดด้อยของสื่อออนไลน์ คือข้อผิดพลาดในการกลั่นกรองข่าวสาร รวมทั้งบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ที่หายไป และข่าวที่ออกมามีความเหมือนกัน  ไม่แตกต่าง และเป็นเชิงภาพข่าว และกิจกรรมเท่านั้น ดังนั้นในปี 2567 นี้  ในหน้าสื่อออนไลน์ CEO THAILAND ท่านผู้อ่านจะได้สัมผัสกับข่าวสารเชิงวิเคราะห์ เจาะลึกแบบออนไลน์ต่อเนื่องในสื่อ CEO THAILAND รวมทั้งการจัดทำเป็น E-Magazine ใน www.ceothailand.net รวมทั้งการจัดทำเป็นรูปเล่มฉบับพิเศษสลับไปบ้างในเรื่องที่สำคัญๆ น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับประชาชนและสังคม ขอขอบพระคุณท่านลูกค้าและผู้สนับสนุนสื่อด้วยดีเสมอมา ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา และขอขอบพระคุณทุกท่าน รวมทั้งผู้อ่านที่ติดตามสื่อ CEO THAILAND ด้วยดีเสมอมาใน www.ceothailand.net   นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา) บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner