Responsive image

Thursday, 16 May 2024

LATEST NEWS

INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต

...

เป็นเวลากว่า 20 ปีที่กรุงเทพประกันชีวิต และ ธนาคารกรุงเทพ ได้ร่วมกันให้บริการวางแผนความคุ้มครองและการออมผ่านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต เพื่อสร้างความสำเร็จให้ลูกค้ากว่า 1.2 ล้านราย  จนเป็นที่มาของการจัดงาน Age of Happiness: Thank You Event for Our Valued Customers เพื่อแสดงความขอบคุณลูกค้าธนาคารกรุงเทพที่ให้ความไว้วางใจให้ทั้งสององค์กรได้มีส่วนในการสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งจากรุ่นสู่รุ่น ให้บรรลุเป้าหมายของแต่ละครอบครัว โดยในงานได้รับเกียรติจากคุณชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยคุณโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารระดับสูงจากสององค์กรร่วมให้การต้อนรับลูกค้าที่มาร่วมงานอย่างคับคั่ง ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรม ชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ความสำคัญของงาน Age of Happiness: Thank You Event for Our Valued Customers ยังตอกย้ำถึงพลังความร่วมมือระหว่างสององค์กรที่ได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่เหมาะสมให้กับลูกค้าจนเป็นที่ยอมรับและไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้ามาอย่างยาวนานผ่าน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ คือ ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตพ Credit 1st สำหรับคุ้มครองสินเชื่อธุรกิจ และ ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต Home 1st คุ้มครองสินเชื่ออยู่อาศัย นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ประกันสะสมทรัพย์ Gain 1st  ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และได้รับความไว้วางใจในการทำประกันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง   (ภาพจากซ้าย) คุณชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) , คุณโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) “ผมขอขอบคุณลูกค้าที่มอบความไว้วางใจให้ธนาคารกรุงเทพและกรุงเทพประกันชีวิต ได้ดูแลความมั่นคงและธุรกิจของครอบครัวของท่านตลอดมา และเราพร้อมที่จะยืนหยัดเคียงข้างเพื่อสนับสนุนลูกค้าทุกท่านให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินของครอบครัวและของธุรกิจ รวมถึงการมีคุณภาพชีวิตที่ดี” คุณชาติศิริกล่าว และด้วยวิสัยทัศน์ของ ธนาคารกรุงเทพ ที่มุ่งเป็นธนาคารที่ให้บริการด้านการเงินที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ภายใต้เจตนารมณ์ที่จะเป็น “เพื่อนคู่คิดมิตรคู่บ้าน”  ที่ตระหนักถึงความสำคัญของการเสริมสร้างความมั่นคงของครอบครัว การสั่งสมและส่งต่อ Wealth จากรุ่นสู่รุ่น ไปจนถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการสืบทอดธุรกิจของครอบครัว และเหนืออื่นใด ธนาคารยังมุ่งมั่นดูแลลูกค้าให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ในปีนี้จึงได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ายิ่งขึ้น ภายใต้แนวคิด “3 Gens Solution” เช่น ผลิตภัณฑ์  Home 1st Extra ที่มีจุดเด่นในด้านการคุ้มครองสินเชื่อที่อยู่อาศัย และการเตรียมความคุ้มครองไว้สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ที่ครอบคลุมถึงค่ารักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วยด้วย 44 โรคร้ายแรง  รวมทั้ง กรุงเทพประกันชีวิตยังมอบสิทธิประโยชน์ใหม่ 5 ด้าน สำหรับลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ ภายใต้ BLA Happy Life Club เพื่อส่งมอบความสุขได้ในทุกวัน ด้วยแนวคิด Elevating Your Happiness โดยมีสิทธิประโยชน์ดีๆ ในทุกไลฟ์สไตล์  โดยเฉพาะด้านสุขภาพ   บรรยากาศภายในงานคับคั่งไปด้วยลูกค้าคนพิเศษ ที่แต่ละท่านสละเวลามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในช่วงเวลาสำคัญ ที่ทั้งสององค์กรใส่ใจร่วมกันจัดขึ้นภายใต้บรรยากาศอันอบอุ่น โดยมีไฮไลท์คือช่วง Special Talk “เปิดมุมมองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่กับนาย ณภัทร เสียงสมบุญ” นักแสดงมากฝีมือ ที่มาร่วมสร้างความสดใสและแลกเปลี่ยนมุมมองการใช้ชีวิตคนรุ่นใหม่ รวมทั้งแชร์เรื่องราวในฐานะพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์ Gain1st มาต่อเนื่องหลายปี ทั้ง Gain1st 650  Gain1st Simple Gain1st 424 และ Gain1st 10/5 รวมทั้งยังเป็นลูกค้าตัวจริงของธนาคารกรุงเทพและกรุงเทพประกันชีวิต ซึ่งได้เลือกซื้อ Gain1st ผ่านโมบายแบงกิ้งของธนาคารกรุงเทพเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการออมด้วยเช่นกัน อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ ลูกค้ายังได้รับฟังบรรยายพิเศษในหัวข้อ “เคล็ดลับสู่ความมั่งคั่งเมื่อฮวงจุ้ยโลกเข้าสู่ยุค 9”  โดย “อาจารย์มาศ เคหาสน์ธรรม” ซินแสฮวงจุ้ยระดับโลกที่มาแนะนำเรื่องการจัดฮวงจุ้ยเพื่อความมั่งคั่งทั้งทำเลที่ตั้งบ้าน อาคารสำนักงาน หรือการจัดที่นั่งสำหรับผู้บริหาร พร้อมตอบคำถามแบบเอ็กซ์คลูซีฟ สร้างความสุขให้ทุกคนจนจบงาน   “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กรุงเทพประกันชีวิตมีความใส่ใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ให้เป็นแบบประกันที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี และมีเบี้ยประกันฯ ที่เหมาะสม ภายใต้แนวคิดประกันชีวิตที่ใส่ใจและให้ความรู้สึกดี โดยธนาคารกรุงเทพมีส่วนสำคัญในการแนะนำเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการออมเงินเพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคต หรือ การสนับสนุนลูกค้าสินเชื่อที่ต้องการให้ธุรกิจและสินทรัพย์นั้นยังคงอยู่กับครอบครัวและทายาทได้ และไม่เป็นภาระให้กับคนรุ่นหลัง ผมจึงขอถือโอกาสนี้ขอบคุณลูกค้าและธนาคารกรุงเทพ ที่ไว้วางใจให้กรุงเทพประกันชีวิตส่งมอบความคุ้มครองสู่ลูกค้าของธนาคารกรุงเทพทุกท่านครับ” คุณโชนกล่าว

14 May 2024


...

กรุงเทพประกันชีวิต เปิดผลดำเนินงานไตรมาสแรก ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 1,241 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% จากไตรมาส 1 ปี 2566 เผยผลสำเร็จจากแผนขยายงานช่องทางตัวแทนจากแคมเปญและกิจกรรมกระตุ้นยอดขาย ส่งผลให้มีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกจากตัวแทนเพิ่มขึ้น 13% และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อไป เพิ่มขึ้น 6 % รวมทั้งช่องทางอื่นๆ มีเบี้ยประกันภัยรับปีต่อเพิ่มขึ้น 45% และช่องทางธนาคารเพิ่มขึ้น 3 % นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ BLA เปิดเผยถึงผลดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ว่า บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวมจำนวน 8,559 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3 จากช่วงเดียวกันของปี 2566 โดยเป็นเบี้ยประกันภัยรับปีแรกจำนวนทั้งสิ้น 1,600 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 27 จากไตรมาส 1 ของปี 2566 และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อไปจำนวน 6,959 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 1,241 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 64 จากไตรมาส 1 ปี 2566 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 247 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว  สำหรับเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ลดลงร้อยละ 3 นั้นเป็นผลจากช่องทางธนาคารที่มีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกลดลงร้อยละ 22 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากฐานที่สูงเนื่องจากในไตรมาส 1 ปี 2566 บริษัทฯ มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่องทางธนาคาร ขณะที่ช่องทางตัวแทนมีเบี้ยประกันภัยรับปีแรก เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากการจัดทำแคมเปญและสร้างกิจกรรมเพื่อกระตุ้นผลงานตัวแทนที่ให้ผลตอบรับที่ดี  ส่วนเบี้ยประกันภัยรับปีต่อไป เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เป็นผลจากช่องทางอื่นๆ ที่มีเบี้ยประกันภัยรับปีต่อเพิ่มขึ้นร้อยละ 45 และช่องทางธนาคารเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ทั้งนี้ บริษัทฯ มีสัดส่วนเบี้ยประกันภัยรับปีต่อในช่องทางธนาคาร ตัวแทน และช่องทางอื่นๆ คิดเป็นร้อยละ 50 ร้อยละ 37 และร้อยละ 13 ตามลำดับ สำหรับสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 มีจำนวน 312,125 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 2566 ที่ร้อยละ 4 จากการลดลงของสินทรัพย์ลงทุนจากกรมธรรม์ที่ครบกำหนด ทั้งนี้ สินทรัพย์ลงทุนและรายการเทียบเท่าเงินสดคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 97 ของสินทรัพย์รวม และบริษัทมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (CAR) ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2567 ที่ร้อยละ 435 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 405 ณ สิ้นปี 2566 จากผลกำไรจากการดำเนินงานและกรมธรรม์ที่ครบกำหนดสัญญา และสูงกว่าระดับที่คปภ. กำหนดไว้ที่ 140% อย่างมีนัยสำคัญ “ในปี 2567 เราให้ความสำคัญกับการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน เน้นปรัชญาการทำงานบนความ ‘ใส่ใจ’ ในทุกมิติ ด้วยความเข้าใจ จริงใจ และ การดูแลด้วยใจ พร้อมปลูกฝังทัศนคติให้กับบุคลากรและตัวแทนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป้าหมายในการเป็นแบรนด์ที่เข้าใจ จริงใจ ใส่ใจ (The Most Caring Insurance Brand) ที่ดูแลลูกค้ามากกว่าแค่การประกันชีวิต” นายโชน กล่าว พร้อมกันนี้บริษัทฯ จะยกระดับการให้ความคุ้มครองและการบริการแก่ผู้ถือกรมธรรม์ให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีตลอดอายุสัญญา รวมไปถึงการพัฒนาบริการและบริการเสริมด้านสุขภาพ ‘BLA Every Care’ ที่กรุงเทพประกันชีวิตให้มากกว่าความคาดหวังของผู้ถือกรมธรรม์ และจัดเตรียมบริการเสริมด้านสุขภาพอื่นๆ ให้แก่ลูกค้า โดยมีการทำงานร่วมกับโรงพยาบาลพันธมิตรต่างๆ และในปีนี้บริษัทฯ ได้เปิดตัวระบบสิทธิประโยชน์ใหม่ตามระดับเบี้ยประกันฯ ที่ลูกค้าชำระให้กับบริษัท พร้อมรับสิทธิประโยชน์ใหม่ 5 ด้านตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นด้าน สุขภาพ, การท่องเที่ยว, ของขวัญในโอกาสพิเศษ,   คอร์สอบรมสัมมนา และ การสร้างประสบการณ์พิเศษตามไลฟ์สไตล์   

14 May 2024

...

บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณสมชัย อาภรณ์ศิริพงษ์ Deputy Chief Executive Officer เผยว่าเนื่องในวาระครบรอบ 75 ปี OCEAN LIFE ไทยสมุทร ได้เดินหน้ายกระดับตัวแทนประกันชีวิต สู่การเป็นที่ปรึกษาประกันชีวิต  เพื่อเชื่อมต่อกับลูกค้าเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและบริการที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้ามากที่สุด ควบคู่ไปกับการสร้างประสบการณ์ด้านประกันชีวิตที่เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้าในทุกมิติ โดยล่าสุดที่ปรึกษาประกันชีวิต OCEAN LIFE ไทยสมุทร สามารถสร้างผลงานได้โดดเด่นในระดับชาติ จำนวน 12 ราย เข้ารับรางวัล "คุณวุฒิตัวแทนยอดเยี่ยมแห่งชาติ ครั้งที่ 24 ประจำปี 2567 (NAA - National Agent Awards 2024)" จัดขึ้นในแนวคิด GATEWAY TO SUCCESS โดย สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน (THAIFA) ซึ่งรางวัลดังกล่าวมอบให้เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติตัวแทนประกันชีวิตของประเทศไทย ที่สร้างผลงานในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมประกันชีวิต แสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถในการนำเสนอการวางแผนความคุ้มครองความเสี่ยงในมิติต่าง ๆ ให้กับลูกค้า ตลอดจนความทุ่มเทในการดูแลลูกค้าโดยใช้พลังความรักเพื่อส่งมอบความคุ้มครองที่คุ้มค่าและตรงตามความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง โดยงานนี้จัดขึ้น ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ กรุงเทพฯ 75 ปี OCEAN LIFE ไทยสมุทร ไม่หยุดพัฒนาศักยภาพที่ปรึกษาประกันชีวิต ที่มีจำนวนกว่า 14,000 คน พร้อมใช้พลังความรักดูแลคนไทย สนับสนุนให้ทุกคนได้ทำสิ่งที่รักเพื่อคนที่รักได้อย่างเต็มที่ พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการ ช่วยให้การประกันชีวิตเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน  ร่วมติดตามข่าวสาร และกิจกรรมดีๆ ได้ที่ OCEAN CLUB APP / LINE / Facebook / Instagram / Youtube : oceanlife  เว็บไซต์ www.ocean.co.th หรือติดต่อ OCEAN LIFE CONTACT CENTER  1503

13 May 2024

...

บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) จัดพิธีเปิดสาขาสมุทรสาครอย่างเป็นทางการ พร้อมอัญเชิญครุฑตราตั้งขึ้นประดิษฐานเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยนายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ และดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ พร้อมด้วยนางอรุโณทัย ทองพรหม ผู้อำนวยการสำนักงาน คปภ. จังหวัดสมุทรสาคร และนายปริญญา มณีประเสริฐ ผู้อำนวยการลูกค้าธุรกิจรายปลีกต่างจังหวัด ธนาคารกรุงเทพ ร่วมให้เกียรติเป็นประธานในพิธีฯ พร้อมคณะผู้บริหารและแขกผู้มีเกียรติร่วมในพิธีเปิดสาขา ณ กรุงเทพประกันภัย สาขาสมุทรสาคร อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2567   นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดกิจกรรมเพื่อสังคมที่ยั่งยืน ด้วยการมอบอุปกรณ์กีฬาให้แก่โรงเรียนวัดพันธุวงษ์ (ปรีชาเลี่ยมราษฎร์บำรุง) จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อส่งเสริมด้านสุขอนามัยให้เยาวชนได้ออกกำลังกายโดยการเล่นกีฬา อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มภูมิคุ้มกันทางสังคมให้เยาวชนได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีนายเลอเกียรติ เอี่ยมศรี และนายกิตติวัฒน์ ทองเพิ่ม อาจารย์ประจำโรงเรียน เป็นผู้รับมอบ   กรุงเทพประกันภัย สาขาสมุทรสาคร เป็นสาขาที่ 37 ที่ได้ทำพิธีเปิดสาขาอย่างเป็นทางการ เพื่อขยายการให้บริการและให้คำปรึกษาด้านประกันภัยและสินไหมทดแทนแก่ลูกค้าและคู่ค้าในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดสมุทรสงครามให้ได้รับความสะดวกและใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยตั้งอยู่ที่ 199/1 หมู่ 3 ตำบลนาดี อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร (ในโครงการ ส.ชัยซิตี้ ริมถนนพระราม 2 ฝั่งขาออก) โทรศัพท์ 0 3417 1980 โทรสาร 0 3417 1984 ทั้งนี้ ลูกค้าและประชาชนที่ต้องการติดต่อสอบถามด้านการประกันภัย สามารถติดต่อได้ที่สาขาของกรุงเทพประกันภัยที่ให้บริการครอบคลุมทั่วภูมิภาค โดยดูรายละเอียดได้ที่ bangkokinsurance.com/th/contact/branch

13 May 2024

...

(ภาพจากซ้าย)  ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย ,  นายชูฉัตร ประมูลผล  เลขาธิการ คปภ. นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานเปิดงานสัมมนา “สู่เป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วย Big Data สำหรับอุตสาหกรรมประกันภัย” เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ณ ห้องสุขุมวิท 1-3 ชั้น 3 โรงแรมเจดับบลิว แมริออท กรุงเทพฯ ในโอกาสนี้ เลขาธิการ คปภ. ได้กล่าวโดยมีใจความที่สำคัญตอนหนึ่งว่า ตามที่ สำนักงาน คปภ. ได้จัดทำระบบฐานข้อมูลการประกันภัย (Insurance Bureau System: IBS) ขึ้น โดยได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากสมาคมประกันวินาศภัยไทย และบริษัทประกันวินาศภัย ในการร่วมกันพัฒนาฐานข้อมูลประกันวินาศภัยให้มีความสมบูรณ์ ตลอดจนมีความร่วมมือระหว่างกันในการนำข้อมูลด้านประกันภัยต่าง ๆ ภายในระบบฐานข้อมูลการประกันภัยมาประมวลและวิเคราะห์เพื่อใช้ประโยชน์ด้านต่าง ๆ ซึ่งระบบ IBS จัดทำขึ้นจากการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการประกันภัยเพื่อเป็นฐานข้อมูล Big Data ของอุตสาหกรรมประกันภัย เพื่อสนับสนุน ส่งเสริม และยกระดับการดำเนินธุรกิจประกันภัยให้สามารถบริการประชาชนได้ดียิ่งขึ้น และจากความร่วมมืออย่างต่อเนื่องระหว่างสำนักงานคปภ. สมาคมประกันวินาศภัยไทย และบริษัทประกันวินาศภัยทุกแห่ง จึงประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง ส่งผลให้ฐานข้อมูลประกันวินาศภัย หรือ Non-Life Insurance Bureau System (Non-Life IBS) มีความครบถ้วนสมบูรณ์และมีคุณภาพ ทำให้สามารถนำข้อมูลมาใช้งานได้จริงอย่างเป็นรูปธรรมก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อภาครัฐ ภาคธุรกิจประกันภัย และประชาชน ในการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลด้านประกันภัยที่มีความครบถ้วน ถูกต้อง สมบูรณ์ และมีคุณภาพ เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า สำนักงาน คปภ. มีนโยบายในการส่งเสริมการพัฒนาฐานข้อมูลการทำประกันภัยกลางของประเทศ ที่ครอบคลุมข้อมูลในทุกมิติเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ ทั้งในด้านการกำกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัยให้มีความมั่นคง แข็งแรง ให้เป็นหนึ่งในเสาหลักระบบเศรษฐกิจของประเทศเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการให้บริการดูแลสังคมและประชาชน ตลอดจนเพื่อเป็นการส่งเสริมการพัฒนาและการขยายธุรกิจ โดยสำนักงาน คปภ. ได้กำหนดกลยุทธ์หลักใน 4 ด้าน ประกอบด้วย 1. การนำข้อมูลไปใช้ในการวิเคราะห์เชิงสถิติ เพื่อประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคเอกชน เช่น การกำหนดแผนและกลยุทธ์องค์กร การบริหารความเสี่ยงภัยในการรับประกันภัย การบริหารต้นทุนในการดำเนินงาน การบริหารด้านสินไหมทดแทน การวิจัยในด้านต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งการวิเคราะห์ความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพจะเป็นข้อมูลสำคัญในการประเมินความเสี่ยงและการกำหนดนโยบายทั้งในส่วนของสำนักงาน คปภ. และบริษัทประกันวินาศภัย 2. การนำข้อมูลไปใช้ในการวิเคราะห์ด้านคณิตศาสตร์ประกันภัยเพื่อสนับสนุนการกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมในการรับความเสี่ยงภัยของผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท การคำนวณต้นทุนความเสียหายของความเสี่ยงแต่ละประเภท การประเมินความมั่นคงทางการเงิน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ซึ่งจะช่วยให้สามารถกำหนดเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมกับความเสี่ยงภัยเกิดความเป็นธรรมและสอดคล้องกับความต้องการของผู้เอาประกันภัยอย่างแท้จริง 3. การนำข้อมูลไปใช้ในการตรวจสอบในด้านต่าง ๆ เพื่อสร้างการบริการที่ดีและมีประสิทธิภาพให้กับประชาชน โดยการตรวจสอบการทำประกันภัยอย่างเป็นระบบเพื่อการให้บริการที่รวดเร็ว รวมถึงการตรวจสอบการฉ้อฉลประกันภัยที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้เกิดความระมัดระวังในการพิจารณารับประกันภัย การจ่ายค่าสินไหมทดแทนที่ไม่เหมาะสม อันจะเป็นการรักษาระบบประกันภัยให้มีความยั่งยืน และ 4. การนำข้อมูลไปใช้เพื่อการวิเคราะห์เชิงลึก เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาและขยายธุรกิจประกันวินาศภัยในอนาคต เช่น การวิจัยด้านการสร้างช่องทางการตลาดประกันภัยใหม่ ๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกันภัยผ่านช่องทางการขายที่เหมาะสม การพัฒนากฎเกณฑ์ในการนำเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันภัย การพิจารณารับประกันภัย หรือการจ่ายค่าสินไหมทดแทน โดยการนำเอาระบบ Generative AI เข้ามาช่วยเพื่อการให้บริการที่เป็นมาตรฐาน สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย และการให้บริการที่รวดเร็ว การพัฒนาต่อยอดการวิเคราะห์ความเสี่ยง เพื่อรองรับความเสี่ยงในรูปแบบใหม่ ๆ จากสภาวะโลกแปรปรวน การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เป็นต้น “ระบบ Non-Life Insurance Bureau System จะช่วยการสร้างความไว้วางใจและความโปร่งใสในการดำเนินงาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าระบบนี้จะช่วยให้บริษัทประกันภัยสามารถจัดการข้อมูล ประเมินความเสี่ยง และปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น และงานสัมมนาในครั้งนี้จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญยิ่งต่อการพัฒนาการนำฐานข้อมูลในระบบ Non-Life Insurance Bureau System ไปใช้เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาและขยายธุรกิจ เพื่อการให้บริการที่ดีต่อประชาชนและสังคมต่อไป” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย  

12 May 2024

...

กรุงเทพประกันชีวิต เดินหน้าผนึกความร่วมมือ ธนาคารกรุงเทพ ตอกย้ำความสำเร็จในบริการวางแผนความคุ้มครองและการออมผ่านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ในช่องทางของธนาคาร พร้อมจัดงาน Age of Happiness: Thank You Event for Our Valued Customers เพื่อแสดงความขอบคุณลูกค้าธนาคารกรุงเทพที่ให้ความไว้วางใจมากกว่า 20 ปี ผ่าน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ 1st ทั้ง Gain 1st ประกันสะสมทรัพย์ เพื่อสนับสนุนการออม Credit 1stประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อธุรกิจ และ Home 1stสำหรับลูกค้าสินเชื่อที่อยู่อาศัย ให้ทั้งความคุ้มครองชีวิตและโรคร้ายแรง โดยมีกรมธรรม์ที่ส่งมอบให้กับลูกค้าธนาคารกรุงเทพกว่า 1.2 ล้านราย พร้อมส่งมอบความ “ใส่ใจ” พัฒนาผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ และ ส่งมอบสิทธิประโยชน์ใหม่ ๆ ตามไลฟ์สไตล์ภายใต้ BLA Happy Life Club นายโชน โสภณพนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงาน Age of Happiness: Thank You Event for Our Valued Customers ว่า นอกจากเป็นการแสดงความขอบคุณลูกค้าของธนาคารกรุงเทพ ที่ให้ความไว้วางใจในการวางแผนความคุ้มครองและการออมผ่านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตมาตลอดระยะเวลามากกว่า 20 ปีแล้ว ยังตอกย้ำถึงพลังความร่วมมือระหว่างสององค์กรที่ได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่เหมาะสมให้กับลูกค้าจนเป็นที่ยอมรับและไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้ามาอย่างยาวนาน     นายโชนกล่าวว่า ปัจจุบันกรุงเทพประกันชีวิต  ได้มอบความคุ้มครองชีวิตและการออมให้กับลูกค้าธนาคารกรุงเทพ ผ่านผลิตภัณฑ์ 3 กลุ่ม คือ ประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองสินเชื่อเพื่อปกป้องความเสี่ยงซึ่งมี 2 แบบคือ ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต Credit 1st สำหรับคุ้มครองสินเชื่อธุรกิจ และ ผลิตภัณฑ์ Home 1st คุ้มครองสินเชื่ออยู่อาศัย นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ประกันสะสมทรัพย์ Gain 1st  ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และได้รับความไว้วางใจในการทำประกันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกรุงเทพประกันชีวิตมีกรมธรรม์ที่ส่งมอบให้กับผู้เอาประกันภัยผ่านธนาคารกรุงเทพจำนวน 1.24 ล้านราย คิดเป็นจำนวนเงินเอาประกันภัยรวมทั้งสิ้นมากกว่า 500,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ Gain 1st ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือการออมระยะยาวที่ให้ผลตอบแทนดี  ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี  ทั้งเบี้ยประกันชีวิตที่สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และผลตอบแทนจากกรมธรรม์ที่ยังได้รับการยกเว้นภาษี  และที่สำคัญมีความปลอดภัยสูง สามารถส่งต่อสู่ทายาทได้ โดยผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ Gain 1st มีหลากหลายรูปแบบให้เลือกตามความเหมาะสมของลูกค้าแต่ละราย ตั้งแต่ Gain 1st Speed Up ที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าที่กำลังมองหาแบบประกันที่ให้ความคุ้มครองและผลตอบแทนรายปีสูงถึงปีละ 10%  หรือ ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ Gain 1st 525 (มีเงินปันผล) ที่เหมาะสำหรับผู้ต้องการออมเงินก้อน จนถึง Gain 1st Simple ที่สามารถออมเริ่มต้นเพียงเดือนละ 500 บาท คุ้มครองยาวนาน 15 ปี  และล่าสุด ยังได้เปิดตัวแบบประกันใหม่ Gain 1st e-Savings 10/5 ซึ่งมีจุดเด่นที่ชำระเบี้ยสั้น 5 ปี คุ้มครอง 10 ปี และการันตีผลตอบแทนปีละ 5% เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมให้ลูกค้าธนาคารกรุงเทพที่ต้องการวางแผนความคุ้มครองและการออม    “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรามีความใส่ใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ให้เป็นแบบประกันที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี และมีเบี้ยประกันฯ ที่เหมาะสม ภายใต้แนวคิดประกันชีวิตที่ใส่ใจและให้ความรู้สึกดี โดยธนาคารกรุงเทพมีส่วนสำคัญในการแนะนำเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการออมเงินเพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคต หรือ การสนับสนุนลูกค้าสินเชื่อที่ต้องการให้ธุรกิจและสินทรัพย์นั้นยังคงอยู่กับครอบครัวและทายาทได้ และไม่เป็นภาระให้กับคนรุ่นหลัง จึงขอถือโอกาสนี้ขอบคุณลูกค้าและธนาคารกรุงเทพ ที่ไว้วางใจให้กรุงเทพประกันชีวิตส่งมอบความคุ้มครองสู่ลูกค้าของธนาคารกรุงเทพทุกท่าน” นายโชน กล่าวพร้อมเพิ่มเติมว่า  ในปีที่ผ่านมากรุงเทพประกันชีวิตยังได้ร่วมกับธนาคารกรุงเทพในการขยายช่องทางการทำประกัน โดยลูกค้าธนาคารสามารถเลือกทำประกันชีวิตได้ทั้งที่สาขาของธนาคารกรุงเทพทั่วประเทศ  หรือ ทำประกันชีวิตด้วยตนเองได้อย่างสะดวกสบายทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านแอปพลิเคชัน Bualuang mBanking  และในปีนี้ กรุงเทพประกันชีวิตยังได้จัดทำสิทธิประโยชน์ใหม่ 5 ด้าน สำหรับลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ ภายใต้ BLA Happy Life Club โดยมีสิทธิประโยชน์ดีๆ ในทุกไลฟ์สไตล์  โดยเฉพาะด้านสุขภาพ ด้านนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ ธนาคารกรุงเทพ ร่วมกับ กรุงเทพประกันชีวิต ได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ายิ่งขึ้น ภายใต้แนวคิด “3 Gens Solution” เช่น ผลิตภัณฑ์  Home 1st Extra ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา โดยมีจุดเด่นในด้านการคุ้มครองสินเชื่อที่อยู่อาศัย และการเตรียมความคุ้มครองไว้สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ที่ครอบคลุมถึงค่ารักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วยด้วย 44 โรคร้ายแรง  เป็นต้น สะท้อนถึงเจตนารมณ์ของธนาคารกรุงเทพ ที่จะเป็น “เพื่อนคู่คิดมิตรคู่บ้าน” ของลูกค้าในทุก Generation ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของการเสริมสร้างความมั่นคงของครอบครัว การสั่งสมและส่งต่อ Wealth จากรุ่นสู่รุ่น ไปจนถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการสืบทอดธุรกิจของครอบครัว และเหนืออื่นใด ธนาคารยังมุ่งมั่นดูแลลูกค้าให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย “ผมขอขอบคุณ ลูกค้าที่มอบความไว้วางใจให้ธนาคารกรุงเทพและกรุงเทพประกันชีวิต ได้ดูแลความมั่นคงและธุรกิจของครอบครัวของท่านตลอดมา และเราพร้อมที่จะยืนหยัดเคียงข้างเพื่อสนับสนุนลูกค้าทุกท่านให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินของครอบครัวและของธุรกิจ รวมถึงการมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยในอนาคต เรายังมีความร่วมมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆและบริการที่ดีเพื่อลูกค้าร่วมกัน เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าธนาคารกรุงเทพทุกท่านประสบความสำเร็จในการวางแผนความคุ้มครองและการออมตามเป้าหมายที่วางไว้” นายชาติศิริ กล่าวในที่สุด

05 May 2024

...

คุณอนุกูล เย็นใจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่  คุณวีรวุฒิ องค์วาสิฏฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ คุณอัลวิน จี รองกรรมการผู้จัดการบริหาร คุณสุรสิทธิ์ อรุณรัตนากุล ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายและกำกับการปฏิบัติงาน บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM มอบของขวัญช่วงวันแรงงานแห่งชาติ เพื่อแทนคำขอบคุณและส่งความห่วงใย สำหรับผู้ถือบัตรโดยสาร MRT/MRT PLUS และ EASY PASS ซึ่งผู้ถือบัตรดังกล่าว ลงทะเบียนรับประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลฟรี จำนวน 15 วัน คุ้มครองสูงสุด 50,000 บาท พร้อมค่าชดเชยรายวันกรณีเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน (IPD) ของโรงพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุ 500 บาท/วัน สูงสุด 30 วัน     สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ความคุ้มครองดังกล่าว เพียงสแกน QR Code ได้ที่สื่อประชาสัมพันธ์ของสถานีรถไฟฟ้า MRT,ด่านทางด่วน และช่องทางออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 1 - 7 พฤษภาคม 2567  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1736  

05 May 2024

ECONOMY-FINANCE / เศรษฐกิจ-การเงิน

...

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ประกาศแต่งตั้ง นายอธิศ รุจิรวัฒน์ ดำรงตำแหน่งประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ และรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส จำกัด  โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2567 นายอธิศมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในสายงานการตลาด และการเงินการธนาคารมากว่า 25 ปี โดยก่อนได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ นายอธิศดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มกรุงศรี คอนซูมเมอร์ และยังได้ความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งประธานชมรมธุรกิจบัตรเครดิต สมาคมธนาคารไทย ตลอดระยะเวลากว่า 12 ปีที่ได้ร่วมงานกับกรุงศรี คอนซูมเมอร์ นายอธิศได้นำประสบการณ์ ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความเป็นมืออาชีพมาบริหารงานบริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส จำกัด โดยมีผลงานที่โดดเด่นมากมาย อาทิ การพัฒนาและผลักดันให้เกิดการให้บริการบัตรเครดิตค้าปลีกรายแรกในประเทศไทยที่สร้างประสบการณ์ช้อปปิงที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าภายใต้แบรนด์ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล รวมถึงการได้รับความไว้วางใจจากบริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ให้ดูแลด้านการบริหารบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลของทั้งเครือภายใต้แบรนด์ “เซ็นทรัล เดอะวัน” ในฐานะประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ นายอธิศจะดูแลและรับผิดชอบการขับเคลื่อนกลยุทธ์และบริหารธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ตลอดจนพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และนวัตกรรมของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ทั้งหมด เพื่อครองความเป็นผู้นำในธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลอย่างต่อเนื่อง นายอธิศ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเทรนท์ (Trent University) ประเทศแคนาดา โดยได้รับทุนการศึกษาจาก Canadian International Development Agency (CIDA) และปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ จากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย    

13 May 2024


...

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank จัดบริการตอบครบความต้องการเอสเอ็มอีไทย ในงาน มหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 24 (MONEY EXPO 2024 BANGKOK) ระหว่างวันที่ 16-19 พฤษภาคม 2567 ณ ชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี หมายเลขที่บูธ L8 และ K1 ยกทัพจัดเต็มโปรโมชั่น “เติมทุนคู่พัฒนา” ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ ไฮไลท์ คือ สินเชื่อ SME Refinance อัตราดอกเบี้ยถูก ปีแรกคงที่ 2.99% ต่อปี เมื่อรีไฟแนนซ์มาแล้ว ขอกู้เพิ่มได้ วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท ใช้ได้ทั้งลงทุน ขยาย หมุนเวียน เสริมสภาพคล่อง ผ่อนสบายนานสูงสุด 15 ปี ควบคู่โปรโมชั่นด้าน “การพัฒนา” ผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th) รวบรวมบริการและสิทธิประโยชน์จากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา อัพสกิลเสริมศักยภาพเอสเอ็มอีไทยสู่ยุคดิจิทัล ครบถ้วนในจุดเดียว ห้ามพลาด! กับโปรโมชั่นสุดพิเศษ สำหรับผู้ประกอบการที่ยังไม่เคยใช้บริการสินเชื่อจาก SME D Bank มาก่อน เมื่อยื่นกู้และได้รับการอนุมัติ ตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป รับแคมเปญ Cash Back สูงสุด 5,000 บาท อีกทั้ง สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยทุกท่านที่ยื่นขอสินเชื่อ “จิ๋วสุดแจ๋ว” เมื่อเข้าเรียนหลักสูตรเสริมแกร่งธุรกิจผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” ได้รับสิทธิ์ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์โครงการ (Front End Fee) 1.0% ของวงเงินที่ได้รับอนุมัติ นอกจากนั้น ภายในบูธยังนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ชื่อดัง เปิดโอกาสเจรจาการค้าแก่ผู้ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจแบรนด์ดัง  ไม่ว่าจะเป็น “Otteri Wash & Dry” ร้านสะดวกซักครบวงจร , “DOUBLE NOUR” ส้มตำเงินล้าน ,   “Kari Kori” ร้านน้ำแข็งไสสไตล์ญี่ปุ่น และ “โกโก้ ไอ้ต้น” ร้านโกโก้ไอเดียขายความสนุก อีกทั้ง ยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกลุ้นรับของรางวัลมากมาย  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1357

12 May 2024

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลโดย  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มอบหมายธนาคารออมสินให้ช่วยเหลือลูกหนี้โครงการสินเชื่อ  เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) กลุ่มที่ได้รับผลกระทบรุนแรงทำให้ยังไม่สามารถฟื้นตัวและผ่อนชำระหนี้ได้ไหว จนกลายสถานะเป็นหนี้เสีย หรือ NPLs ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติให้เร่งช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวให้หลุดพ้นสถานะ NPLs เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ลูกหนี้เสียประวัติเครดิต และยังสามารถเข้าถึงแหล่งเงินในระบบได้อีกในอนาคต โดยให้ธนาคารนำงบประมาณชดเชยค่าเสียหายจากหนี้เสียที่รัฐบาลจัดสรรให้สำหรับโครงการสินเชื่อดังกล่าว มาใช้ชำระหนี้แทนลูกหนี้ ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ไตรมาส 1/2567 ล่าสุดธนาคารได้ดำเนินการเพิ่มเติมอีกกว่า 90,000 ราย ทำให้สามารถช่วยเหลือลูกหนี้แล้วเป็นจำนวนกว่า 720,000 ราย ภายในระยะเวลา 3 เดือนตั้งแต่เริ่มมาตรการ ทั้งนี้ คาดว่าในไตรมาส 4/2567 จะสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ได้เพิ่มอีกจำนวนกว่า 100,000 ราย เมื่อได้รับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมจากรัฐบาล อนึ่ง มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สถานะ NPLs ของโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 ซึ่งเป็นการช่วยเหลือที่ดำเนินการเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เสียวินัยทางการเงิน โดยรัฐบาลมีนโยบายผลักดันการแก้ปัญหาหนี้ประชาชนทุกกลุ่มให้ประสบความสำเร็จและยั่งยืนเป็นวาระแห่งชาติ

10 May 2024

...

ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีนโยบายเร่งรัดการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน และได้สั่งการให้ธนาคารออมสินหาแนวทางในการช่วยเหลือประชาชนลดภาระการผ่อนชำระหนี้ที่มีอยู่เดิม โดยเฉพาะผู้มีหนี้ที่เป็นกลุ่มเปราะบาง ตลอดจนผู้ที่ประสบปัญหาสภาพคล่องอันเป็นผลกระทบจากปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจ ดังนั้น เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายรัฐ และสอดรับกับบทบาทธนาคารเพื่อสังคม ธนาคารจึงพิจารณาออกมาตรการรีไฟแนนซ์ ภายใต้โครงการ “สินเชื่อออมสินรีไฟแนนซ์เพื่อสังคม” รับรีไฟแนนซ์หนี้เดิม (ไม่ใช่การปล่อยสินเชื่อใหม่) เพื่อช่วยลดภาระแก่ลูกหนี้ 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) ลูกหนี้บัตรเครดิต 2) ลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล หรือ Personal Loan (P-Loan) 3) ลูกหนี้สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ (Nano Finance) 4) ลูกหนี้สินเชื่อบ้าน ซึ่งการเปิดให้รีไฟแนนซ์สินเชื่อด้วยหลักเกณฑ์ดอกเบี้ยต่ำ พร้อมเงื่อนไขพิเศษอื่นครั้งนี้ ตั้งเป้าช่วยเหลือประชาชนลดภาระการชำระหนี้ ผ่อนสบายมากขึ้น หรือผู้ที่รีไฟแนนซ์แล้วแต่ประสงค์ผ่อนชำระเงินงวดเท่าเดิม ก็จะตัดเงินต้นมากขึ้นเพราะดอกเบี้ยลดลง ทำให้ปิดหนี้ได้เร็วขึ้น โดยมีรายละเอียดหลักเกณฑ์ทั้ง 4 มาตรการ ดังนี้    1. Re-Card : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้บัตรเครดิต ที่ต้องการกู้เงินเพื่อไปชำระหนี้บัตรเครดิตของสถาบันการเงิน หรือ Non-Bank อื่น โดยการรีไฟแนนซ์/รวมหนี้บัตรเครดิตมาผ่อนชำระกับธนาคารออมสินในรูปแบบเงินกู้ระยะยาว (Long Term Loan) ช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากเดิม 16% ต่อปี ลงเหลือ 8.99% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น) วงเงินกู้ไม่เกิน    5 เท่าของรายได้รวม สูงสุดไม่เกินรายละ 500,000 บาท และไม่ต้องมีหลักประกัน ซึ่งการรีไฟแนนซ์จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ลูกหนี้ ยกตัวอย่างกรณีเป็นหนี้บัตรเครดิต 100,000 บาท ปัจจุบันต้องจ่ายดอกเบี้ย 16% ต่อปี และผ่อนชำระขั้นต่ำ 8% ซึ่งเท่ากับ 8,000 บาทต่อเดือน เมื่อรีไฟแนนซ์มาเป็นเงินกู้ระยะยาว ธนาคารให้ผ่อนชำระได้สูงสุดไม่เกิน 7 ปี ที่อัตราดอกเบี้ย 8.99% ต่อปี ทำให้ลดเงินงวดเหลือ 1,700 บาทต่อเดือนเท่านั้น     2. Re P-Loan : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan : P-Loan) ที่ต้องการกู้เงินเพื่อไปชำระหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล P-Loan ของสถาบันการเงิน หรือ Non-Bank อื่น ซึ่งเมื่อรีไฟแนนซ์/รวมหนี้มาผ่อนชำระกับธนาคาร จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากเดิมประมาณ 25% ต่อปี ลงเหลือ 15% ต่อปี วงเงินให้กู้ตามภาระหนี้คงเหลือของสัญญากู้เดิม สูงสุดไม่เกินรายละ 100,000 บาท และไม่ต้องมีหลักประกัน ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 5 ปี 3. Re-Nano : รับรีไฟแนนซ์สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อย ที่ต้องการปลดหนี้สินเชื่อ Nano Finance ที่กู้ไปเพื่อลงทุนในการประกอบอาชีพ ซึ่งเมื่อรีไฟแนนซ์/รวมหนี้มาผ่อนชำระกับธนาคาร จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากเดิม 33% ต่อปี ลงเหลือ 18% ต่อปี วงเงินให้กู้ตามภาระหนี้คงเหลือของสัญญากู้เดิม สูงสุดไม่เกินรายละ 200,000 บาท ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 8 ปี โดยธนาคารออมสินร่วมกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการค้ำประกันการกู้ 4. Re-Home : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัย ที่ต้องการกู้เงินเพื่อไถ่ถอนจำนองที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินอื่น วงเงินกู้ 1-5 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรีไฟแนนซ์มาผ่อนชำระกับธนาคาร จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยตามสัญญาเดิมที่ประมาณ 6 - 7% ต่อปี ลงเหลือ 1.95% ในปีที่ 1 (ปีที่ 2 = 2.95% ปีที่ 3 = 3.95%) คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.95% ต่อปี พร้อมเงื่อนไขผ่อนต่ำ ปีที่ 1 ผ่อนชำระเงินงวดล้านละ 3,000 บาท/เดือน ปีที่ 2 ล้านละ 4,000 บาท/เดือน และปีที่ 3 ล้านละ 5,000 บาท/เดือน อนึ่ง ธนาคารสนับสนุนนโยบายรัฐในการแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือนของประชาชน ให้สามารถมีเงินเหลือใช้สอยดำรงชีพโดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งเงินกู้นอกระบบ รวมถึงส่งเสริมการปลูกฝังทัศนคติการกู้เงินเท่าที่จำเป็นและผ่อนไหว ทั้งนี้ มาตรการสินเชื่อรีไฟแนนซ์ “โครงการสินเชื่อออมสินรีไฟแนนซ์เพื่อสังคม” เพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน เปิดให้ยื่นขอกู้ได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 และจัดทำนิติกรรมสัญญาภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567  

21 Apr 2024

...

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate 0.15% ต่อปี จาก 6.75% เหลือ 6.60% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ EXIM BANK ใช้สำหรับลูกค้าทั่วไปและลูกค้า SMEs เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี หรือ MRR ของธนาคารพาณิชย์) นับเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่ต่ำที่สุดในระบบ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ไทยในเทศกาลสงกรานต์นี้ให้แก่ผู้ประกอบการ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567 เป็นต้นไป ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate ในครั้งนี้เป็นการขานรับนโยบายของรัฐบาลในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยลดภาระให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจของ EXIM BANK ในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้มีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ บรรเทาภาระหนี้และต้นทุนทางธุรกิจ และสามารถปรับตัวให้แข่งขันในเวทีโลกได้อย่างยั่งยืนในสภาวะที่เศรษฐกิจไทยเติบโตในอัตราที่ช้าลง ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง  

13 Apr 2024

...

ดร.บุนเหลือ สินไซวอระวง ผู้ว่าการธนาคารแห่ง สปป.ลาว (Bank of the Lao PDR : BOL) ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นางสาวมรกต ศรีสวัสดิ์ เอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ และนายอาลุน บุนยง หัวหน้ากรมคุ้มครองธนาคารธุรกิจ BOL ร่วมเป็นสักขีพยานกิตติมศักดิ์ในพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และธนาคารการค้าต่างประเทศลาว มหาชน (Banque Pour Le Commerce Exterieur Lao Public : BCEL) โดยมี ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK และนางสายสะหมอน จันทะจัก ผู้อำนวยการใหญ่ BCEL เป็นผู้ลงนาม เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่เข้าไปลงทุนใน สปป.ลาว โดยเฉพาะโครงการลงทุนที่ใช้เงินสกุลกีบในการดำเนินกิจการเป็นเงินสกุลหลัก และต้องการเงินสกุลกีบไว้ใช้หมุนเวียนในกิจการ เพื่อลดความเสี่ยงจากการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ณ เมืองหลวงพระบาง สปป.ลาว เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 ในโอกาสการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน (ASEAN Finance Ministers and Central Bank Governors’ Meeting: AFMGM) ครั้งที่ 11 ระหว่างวันที่ 2-5 เมษายน 2567 EXIM BANK ในฐานะธนาคารเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ขยายความร่วมมือกับ BCEL ในครั้งนี้ โดยสอดคล้องเป้าหมายของ EXIM BANK สู่การเป็น Green Development Bank ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในเวทีโลกในระยะยาว ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่และขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) เป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ของไทย ซึ่งปัจจุบัน EXIM BANK ได้จัดตั้งสำนักงานผู้แทนใน CLMV ครบถ้วนแล้ว เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของทีมประเทศไทยในการทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนใน CLMV โดยสำนักงานผู้แทนของ EXIM BANK ในเวียงจันทน์เปิดดำเนินงานอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2561 EXIM BANK พร้อมสานพลังพันธมิตรภาครัฐและเอกชนใน สปป.ลาว เพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างทั้งสองประเทศ รวมทั้งผลักดันโครงการลงทุนของไทยใน สปป.ลาว โดย สปป.ลาว ถือเป็น Land Link เชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งทางบกระหว่างไทย จีน และเวียดนาม ผ่านสะพานข้ามแม่น้ำโขง ประกอบกับอัตราค่าแรงขั้นต่ำใน สปป.ลาว อยู่ที่ 1.6 ล้านกีบต่อเดือนหรือประมาณ 2,700 บาท ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ นโยบายการเป็นแบตเตอรี่แห่งอาเซียน สิทธิพิเศษด้านภาษีและการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ สิทธิพิเศษทางการค้ากับต่างประเทศ จึงเป็นปัจจัยดึงดูดนักลงทุนจากหลายประเทศ โดยเฉพาะไทย เข้าไปลงทุนในสปป.ลาว อย่างต่อเนื่องและมากเป็นอันดับ 2 รองจากจีน โครงการลงทุนของไทยส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจพลังงาน การเกษตร ปศุสัตว์ การท่องเที่ยว และธุรกิจบริการ ในปี 2566 การค้าระหว่างไทยและ สปป.ลาว มีมูลค่ารวมกว่า 7,634.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นการส่งออกของไทยไป สปป.ลาว 4,647.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจาก สปป.ลาว 2,987.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไป สปป.ลาว ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำตาลทราย รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ขณะที่สินค้านำเข้าจาก สปป.ลาว ได้แก่ เชื้อเพลิง ผักผลไม้ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืช และปูนซีเมนต์ “การขยายความร่วมมือระหว่าง EXIM BANK และ BCEL ในครั้งนี้เพื่อร่วมกันสนับสนุนทั้งด้านความรู้ โอกาส และเงินทุน ให้เกิดความแข็งแกร่งของ Supply Chain การค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับ สปป.ลาว เชื่อมโยงกับ Global Supply Chain โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อต่อยอดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับประเทศ อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง อาเซียน และโลกโดยรวม สร้างโอกาสการเติบโตของภาคธุรกิจในทุกระดับ รวมทั้งความกินดีอยู่ดีของประชาชน และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน“ ดร.รักษ์ กล่าว  

13 Apr 2024

...

นายประสงค์ พูนธเนศ  กรรมการอิสระ ประธานกรรมการ และประธานกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน และนางพิทยา  วรปัญญาสกุล  กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะกรรมการบริษัทฯ ได้จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2566 และนำเสนอวาระเพื่อพิจารณาต่างๆ โดยที่ประชุมมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 1.27 บาท ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 3,274.48 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีมติอนุมัติกรรมการ 3 ท่านที่ออกจากตำแหน่งตามวาระ กลับเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการ ได้แก่ นายสมชาย คูวิจิตรสุวรรณ   นางประราลี  รัตน์ประสาทพร  และนายระเฑียร ศรีมงคล  โดยการประชุมดังกล่าวจัดขึ้นในวันนี้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting) ณ ห้องประชุมใหญ่ “เคทีซี” อาคารสมัชชาวาณิช 2 ถนนสุขุมวิท ตามพระราชกำหนดว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2563 รวมถึงกฎหมายและกฎระเบียบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และคำบอกกล่าวการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) ให้ผู้ถือหุ้นทราบล่วงหน้าก่อนวันจัดประชุม

11 Apr 2024

SOCIETY - CSR / ภาพข่าว-กิจกรรมเพื่อสังคม

...

นางศรัณยา  เทียนถาวร (ที่ 3 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล นางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ ดร. คริสเตียน โรแลนด์ (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และดิจิทัล นายโจฮัน  ดีทอย (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุน นางสาวอมราพร  รัญเสวะ (ขวาสุด) ผู้อำนวยการฝ่ายดิจิทัล และนายจุฑาภัทร เหล่าธรรมทัศน์ (ซ้ายสุด) ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนา ดิจิทัล โซลูชันส์ แอนด์ ดีไซน์ เอไอเอ เวลเนส ร่วมเปิดตัว AIA Goodie Foodie Truck เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นางศรัณยา  เทียนถาวร (ที่ 3 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ร่วมด้วย นายโจฮัน  ดีทอย (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุน   ดร. คริส-เตียน โรแลนด์ (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และดิจิทัล และ นางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ เดินหน้าจัดกิจกรรม AIA Food Fighter เพื่อมุ่งลดปัญหาขยะอาหารล้นโลก (Food Waste) ซึ่งปัญหาขยะอาหารถือเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์ อีกทั้งยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาก๊าซเรือนกระจก     โดยเอไอเอ ได้ชวนพนักงานเอไอเอ ประเทศไทย ร่วมแคมเปญกู้โลกรณรงค์การบริโภคอาหารแต่พอดี พร้อมเปิดตัวรถต้นแบบ “AIA Goodie Foodie Truck” สำหรับแบ่งปันอาหาร ขนม และผลไม้ให้กับเพื่อนพนักงานที่ปฎิบัติงานอยู่ ณ อาคาร เอไอเอ ทาวเวอร์ สำนักงานใหญ่ เพื่อเปลี่ยนอาหารที่รับประทานไม่หมดแต่ยังสะอาดและมีคุณภาพดีให้เป็นอีกหนึ่งมื้ออร่อยของผู้อื่น ซึ่งนับเป็นเป้าหมายสำคัญของเอไอเอ ที่ต้องการมีส่วนในการสร้างโลกให้น่าอยู่และยั่งยืนสำหรับพวกเราคนไทยทุกคนด้วยอีกหนึ่งวิธีง่าย ๆ อย่างการช่วยลดขยะอาหาร ตลอดจนยังเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน ESG และสอดคล้องตามพันธกิจของเอไอเอ ในการสนับสนุนให้ผู้คนกว่าพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ‘Healthier, Longer, Better Lives’    

12 May 2024


...

พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก รับมอบเงินสนับสนุนโครงการประกอบอาชีพเสริมเพิ่มรายได้แก่กำลังพลกองทัพบกที่ปลดพิการทุพพลภาพและครอบครัว ประจำปี 2567 จากนายสวัสดิ์ นฤวรวงศ์ รองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการส่งเสริมอาชีพ พัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตผู้พิการให้มีความเท่าเทียมในสังคม ตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยในปี 2567 บริษัทฯ ให้การสนับสนุนกำลังพลฯ และครอบครัวรวม 31 ราย เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 3,711,320 บาท ในโอกาสนี้ ทางกองทัพบก ได้มอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่บริษัทฯ ในฐานะที่ร่วมสนับสนุนโครงการฯ มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน

12 May 2024

...

(แถวยืนซ้าย คนแรก)  นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์  หัวหน้าพรรคพลังเพื่อไทย  พรรคพลังเพื่อไทย จัดประชุมใหญ่พรรคสมัยสามัญประจำปี 2567 เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 ณ เอ็มเจรีสอร์ต จ.กาญจนบุรี  โดยมีแกนนำพรรค สมาชิกพรรคเข้าร่วมประชุม 275 คน การประชุมครั้งนี้มีสื่อมวลชนจากส่วนกลาง ผู้ร่วมสังเกตการณ์ เข้าร่วมสังเกตการณ์และทำข่าวสาร รวมทั้งมีวิทยากรจากโครงการสร้างงานสร้างอาชีพ และโครงการเกษตรสัญจร ร่วมให้ความรู้กับเกษตรกรที่เป็นสมาชิกพรรค (ช่วงเวลาก่อนและหลังการประชุมใหญ่) โดยมีนายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ หัวหน้าพรรคพลังเพื่อไทย เป็นประธาน   ทั้งนี้การประชุมใหญ่ปีนี้ พรรคมีการรับรองผลการดำเนินกิจการของพรรคในรอบปี 2566 รับรองงบการเงินปี 2566 รับรองโครงการรณรงค์ส่งเสริมประชาธิปไตยใน 5 สาขาพรรคในภูมิภาค นอกจากนั้นยังมีการแก้ไขข้อบังคับพรรคเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป หลังจากที่พรรคก่อตั้งมาครบ 6 ปี โดยมีสาขาพรรค 5 สาขา และตัวแทนพรรค 3 ตัวแทน    

12 May 2024

...

  บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ กรรมการผู้จัดการ เป็นประธานในพิธีจับรางวัลครั้งที่ 1 แคมเปญ “OCEAN LIFE ไทยสมุทร 75 ปี แจกทอง 75 บาท”  สำหรับลูกค้าผู้โชคดีจากการจับรางวัลครั้งแรกจะได้รับรางวัลทองคำโอชิ น้ำหนัก 1 สลึง จำนวน 75 รางวัล  สำหรับแคมเปญ “OCEAN LIFE ไทยสมุทร 75 ปี แจกทอง 75 บาท” ยังเหลือการจับรางวัลอีก 3 ครั้ง หากสนใจลุ้นรับโชค เพียงทำประกันชีวิตตามเงื่อนไข ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับทองคำโอชิหนัก 1 สลึง จำนวน 300 รางวัลตลอดปี  มูลค่ารวมกว่า 2.5 ล้านบาท ขั้นตอนแรกเมื่อลูกค้าทำประกัน OCEAN LIFE แบบประกันใดก็ได้ ที่มีเบี้ยประกันภัยเริ่มต้น 10,000 บาทขึ้นไป (นับเบี้ยรวมสัญญาเพิ่มเติม) จะได้รับ 1 สิทธิ์ลุ้นรางวัล  หรือ หากมีการแนบสัญญาเพิ่มเติมทุกๆ 5,000 บาท ได้รับเพิ่มอีก 1 สิทธิ์ ขั้นตอนสุดท้ายจะต้องลงทะเบียน OCEAN CONNECT ผ่าน LINE : @oceanlife หรือ OCEAN CLUB APP เท่านี้ก็เตรียมลุ้นรับทองได้ตั้งแต่ วันนี้ - 31 ธันวาคม 2567 สามารถติดตามรายละเอียดการจับรางวัล และการประกาศรายชื่อผู้โชคดีผ่าน OCEAN CLUB APPLICATION / LINE : @oceanlife / Facebook : oceanlifepage และเว็บไซต์ www.ocean.co.th (บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข และข้อกำหนดต่าง ๆ ของแคมเปญโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า) สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ocean.co.th หรือติดต่อศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 1503  

10 May 2024

...

อลิอันซ์ อยุธยา ส่งความสุขให้ลูกค้าคนพิเศษและครอบครัว จัดกิจกรรมวันครอบครัว “Family Day 2024 SEA LIFE Bangkok” สัมผัสประสบการณ์ท่องโลกใต้ท้องทะเล สำรวจสัตว์ทะเลนานาชนิด ท่องโลกใต้ท้องทะเลจำลอง พร้อมกิจกรรมสุดพิเศษ รับของที่ระลึกและรางวัลมากมาย โดยมีลูกค้าและสมาชิกในครอบครัว พร้อมด้วยผู้บริหาร พนักงาน ฝ่ายขายและพันธมิตรร่วมงานกว่า 1,000 คน ณ SEA LIFE Bangkok สยามพารากอน   นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารงานลูกค้า บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า “อลิอันซ์ อยุธยา จัดกิจกรรม Family Day 2024 เพื่อตอกย้ำการดำเนินกลยุทธ์ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง มุ่งสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสุขความสัมพันธ์ในครอบครัวให้กับลูกค้า พร้อมสร้างประสบการณ์สุดพิเศษเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้า ฝ่ายขายและบริษัทฯ สำหรับกิจกรรมในปีนี้จัดขึ้นที่ SEA LIFE Bangkok สยามพารากอน พาลูกค้าร่วมสัมผัสประสบการณ์ท่องโลกใต้ต้องทะเล เพลิดเพลินไปกับสัตว์ใต้น้ำนานาชนิด   นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมตามหาสัตว์ใต้ท้องทะเล ตามหาสัตว์ Secret เพื่อแลกรับของรางวัลสุดน่ารักจุดถ่ายรูปเช็คอิน ยังมีรางวัล Lucky draw ให้กับลูกค้าที่มาร่วมงาน อาทิ ทองคำ หนัก 1 สลึง, บัตรกิจกรรมใน Sea life “Glass Bottom Boat”, บัตรชมภาพยนตร์ Major 4D ,Central Voucher, กระเป๋าล้อลากขนาด 20” เป็นต้น การจัดกิจกรรม Family Day 2024 ในครั้งนี้ บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความสุข ให้กับผู้ที่มาร่วมงาน บริษัทฯ มุ่งมั่นสร้างความสุข ความพึงพอใจและพัฒนาบริการให้ดียิ่งขึ้นต่อไป  

10 May 2024

...

ดร.สมพร  สืบถวิลกุล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)  เข้ารับ 2 รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ ในงานสยามรัฐออนไลน์ อวอร์ด ประจำปี 2567  ได้แก่ รางวัลผู้บริหารองค์กรดีเด่นแห่งปีด้านการส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมประกันภัย  และรางวัลบริษัทประกันภัยที่ส่งเสริมความยั่งยืนด้านการพัฒนาสังคมยอดเยี่ยม  โดยผลรางวัลมาจากผลการรวบรวมข้อมูลจากประชาชนตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ผ่านมา ใช้ฐานอ้างอิงข้อมูลจาก Platform BRAND24 และ Google  Trend โดยงานนี้จัดขึ้น ณ True Digital Park    

05 May 2024

...

  จากสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือที่ทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่องจนส่งผลกระทบต่อประชาชน บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยนายนิยม มูลศรี (ที่ 2 จากขวา) ผู้จัดการสาขาอุตรดิตถ์ เป็นผู้แทนบริษัทฯ มอบเครื่องกรองน้ำพกพา จำนวน 25 ชุด และน้ำดื่ม จำนวน 220 แพ็ก ให้แก่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครในการป้องกันรักษาป่าและแก้ไขปัญหาไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมีนายบทมากร ศรีสุวรรณ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า เป็นผู้แทนรับมอบ ณ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่13 (แพร่) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จังหวัดแพร่ เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2567

05 May 2024

BUSINESS - MARKETING / ธุรกิจ - การตลาด - ขายตรง - SME

...

เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง (บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด) และ กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในการนำนวัตกรรมของเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง ผสานกับความเป็นผู้นำภาคการเงินเพื่อความยั่งยืนของกรุงศรี เร่งดำเนินการสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Green House Gas Emissions) เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศให้เปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความร่วมมือระหว่างสององค์กรในครั้งนี้มีเป้าหมายร่วมกันที่จะศึกษา พัฒนา สรรหา และให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Net Zero Building Materials ของวัสดุก่อสร้าง และโซลูชันต่างๆ ตลอดจน Construction Platform ที่เหมาะสมกับประเทศไทย เพื่อเตรียมความพร้อมในการมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ทั้งในแง่ของการ Decarbonization ของวัสดุก่อสร้าง และการพัฒนาวัสดุก่อสร้างที่เป็น Carbon Sink Based Product ตลอดจนการพัฒนาระบบการก่อสร้างที่จะทำให้มี Carbon Footprint ในองค์รวมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยจะได้นำผลของการดำเนินการต่อยอดสู่การพัฒนาโครงการให้ครบทั้ง Ecosystem เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม และยกระดับการอยู่อาศัยของคนไทยให้ดียิ่งขึ้น   นายวิโรจน์ รัตนชัยสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง กล่าวว่า “สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ สอดคล้องกับกลยุทธ์ ESG ในการดำเนินธุรกิจของเอสซีจีโดยตรง ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิงมุ่งเสาะหา และพัฒนานวัตกรรมวัสดุก่อสร้างคาร์บอนต่ำ โซลูชันการอยู่อาศัยที่ทำให้เจ้าของบ้าน หรือเจ้าของโครงการลดการใช้พลังงาน รวมถึงกระบวนการก่อสร้างทางเลือกที่ทำให้การก่อสร้างในอนาคตลดการปล่อยคาร์บอนได้มากขึ้น” “การลงนามในวันนี้เป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของ เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง และ กรุงศรี ในการใช้จุดแข็งของทั้ง 2 ธุรกิจมาพัฒนาต่อยอดสู่เป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นพันธกิจของสังคมโลก เราหวังว่าแผนงานสำคัญที่ได้จากโครงการนี้จะมีส่วนสำคัญในการสร้างองค์ความรู้ ยกระดับศาสตร์การใช้วัสดุก่อสร้างเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีขึ้น และสนับสนุนให้เกิดการผลิตวัสดุคาร์บอนต่ำมากยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ในการผลักดันให้เกิดนโยบาย หรือแผนงานที่มุ่งสู่ความเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญเพื่อโลกที่ยั่งยืนให้กับหลายๆ หน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ต่อไปในอนาคต” นายวิโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย ด้านนายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ด้วยวิสัยทัศน์ของกรุงศรีสู่การเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ยั่งยืนที่สุดในประเทศไทย กรุงศรี ยินดีอย่างยิ่งในการสนับสนุนและส่งเสริมการดำเนินงานของเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยความร่วมมือครั้งนี้ มีเป้าหมายในการช่วยส่งเสริมกระบวนการสร้างสรรค์โซลูชันรูปแบบใหม่ เพื่อยกระดับมาตรฐานงานก่อสร้างให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเร่งขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net Zero ได้อย่างชัดเจนและยั่งยืน” “กรุงศรีในฐานะผู้นำด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน (ESG Finance) จะช่วยเสริมสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสภาวะวิกฤตทางสภาพภูมิอากาศ และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง ผ่านกิจกรรมส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ โดยใช้จุดแข็งของทั้งสองบริษัทให้คำแนะนำแบบครบวงจรเกี่ยวกับโซลูชันด้านการก่อสร้างและการเงินที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้กับบุคคลทั่วไป และผู้ประกอบการในห่วงโซ่ธุรกิจ การสนับสนุนการจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) ผ่านเครือข่าย MUFG เพื่อขยายโอกาสในการทำธุรกิจ และเข้าถึงนวัตกรรมใหม่ รวมไปถึงการร่วมแสวงหาโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อความยั่งยืน เพื่อช่วยสนับสนุนความสำเร็จในการลดการปล่อยคาร์บอนทั้งกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งนี้ เราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยให้ทั้งสองบริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมที่จะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของสังคมไทย และขับเคลื่อนประเทศสู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในอนาคตต่อไป”

14 May 2024


...

บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) “ซีเอ็ด” ผู้ให้บริการหนังสือและสื่อความรู้ทั่วประเทศไทย นำโดย นายรุ่งกาล ไพสิฐพานิชตระกูล กรรมการผู้จัดการ เปิดตัวสาขาใหม่รูปแบบ STAND ALONE ในภาคตะวันออก “ซีเอ็ด สาขาตราด” เพื่อเป็นแหล่งความรู้ของชาวตราด และพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมมอบหนังสือและสื่อการเรียนรู้ให้แก่สถานศึกษา โรงพยาบาล และหน่วยงานราชการ จังหวัดตราด จำนวนรวมทั้งสิ้น 10 แห่ง มูลค่ารวมกว่า 200,000 บาท ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นายสรพงษ์ ขันทอง รองนายกเทศมนตรีเมืองตราด ทพญ.วิภา สุเนตร ประธานหอการค้าจังหวัดตราด นพ.วินัย บรรจงการ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลตราด นายวรรณวิจักษณ์ กุศล ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดตราด นายจิรพงค์ ร่มเงิน ผู้อำนวยการ วิทยาลัยเทคนิคตราด นายปรีดี โสโป สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด ดร.พิจิตร พรหมจารีย์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตราด เขต1 ร่วมมอบหนังสือและสื่อการเรียนรู้ให้แก่สถานศึกษา และองค์กรในท้องถิ่น จังหวัดตราดในครั้งนี้อีกด้วย     ซีเอ็ดเอาใจชาวตราดในโอกาสเฉลิมฉลองเปิดร้านใหม่ เพียงแวะ CHECK-IN ที่ร้านซีเอ็ด สาขาตราด รับหนังสือฟรีท่านละ 1 เล่ม พร้อมด้วยโปรโมชั่นช้อปสินค้าครบ 300 บาทขึ้นไป รับฟรี! บัตรสมาชิก SE-ED x SESAME STREET คอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด พร้อมด้วยโปรโมชั่น ซื้อครบรับฟรี! ของพรีเมียมสุดชิค     ร้านหนังสือซีเอ็ด สาขาตราด ตั้งอยู่เลขที่ 75-77 ถนนตัดใหม่ ตำบลบางพระ อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด 23000 ติดกับห้างทองสมประสงค์ เยื้องกับตลาดสดเทศบาล เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 – 20.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์โทร. 039-510-915

27 Apr 2024

...

นางสาวพิชามน จิตรเป็นธรรม  ผู้บริหารสูงสุด – สายงานสินเชื่อบุคคล “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในเดือนเมษายนและพฤษภาคมเป็นช่วงของเทศกาลวันหยุดยาว และใกล้เปิดเทอม ผู้บริโภคส่วนใหญ่อาจมีความต้องการเงินสดเพื่อใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น     เคทีซีจึงได้จัดกิจกรรมพิเศษสำหรับผู้สมัครขอสินเชื่อบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” และได้รับการอนุมัติระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2567 – 31 สิงหาคม 2567 จะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 19.99% ต่อปี สำหรับเงินกู้ก้อนแรกที่โอนเข้าบัญชี 50,000 บาทขึ้นไป และเลือกผ่อนชำระรายเดือน (ตั้งแต่ 12 เดือนถึง 60 เดือน) สำหรับคุณสมบัติของผู้สมัครสินเชื่อบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” จะต้องมีสัญชาติไทย อายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และเป็นพนักงานประจำของบริษัทเอกชน หน่วยงานราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ที่มีรายได้ขั้นต่ำ 12,000 บาทต่อเดือน โดยสามารถสมัครสมาชิกสินเชื่อบัตรกดเงิน “เคทีซี พราว” ได้ที่ศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” และธนาคารกรุงไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือคลิก https://ktc.today/KTC-PROUD  ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” ควรกู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว”    “บัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” โดดเด่นด้วยฟังก์ชันครบทั้งรูด-โอน-กด-ผ่อน โดยสามารถช้อปออนไลน์ได้ทุกร้านค้า ทุกที่ ทุกเวลา รวมทั้งสามารถโอนเงินเรียลไทม์ผ่านแอปฯ “KTC Mobile” เข้าบัญชีธนาคารได้ถึง 13 ธนาคาร และกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มได้ตลอด 24 ชั่วโมง ฟรีค่าธรรมเนียมการกดเงิน  นอกจากนี้ยังใช้ผ่อนสินค้า 0% ได้นานสูงสุดถึง 24 เดือน ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ”  

21 Apr 2024

...

บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ซูเลียน (Zhulian) ผู้ดำเนินธุรกิจตลาดเครือข่าย (Multi-Level Marketing) ประกาศจุดยืนความตั้งใจเป็นที่หนึ่งธุรกิจตลาดเครือข่าย เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจที่เป็นไปได้มากที่สุด วางทิศทางการทำงานปี 2024 ปรับแผนการดำเนินธุรกิจ ให้ผู้จัดจำหน่ายของซูเลียน บรรลุถึงผลสำเร็จ สามารถขยายเครือข่ายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว มีรากฐานที่มั่นคง พร้อมมุ่งรักษาคุณภาพสินค้า และพัฒนาสินค้าใหม่ตอบโจทย์สุขภาพ เดินหน้าสร้างฐานสมาชิกใหม่เสริมเทคโนโลยี นำช่องทางการขาย “Zhulian Shopping Online”เชื่อมต่อการทำธุรกิจออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อยกระดับชีวิตที่มีคุณภาพ และโอกาสทางธุรกิจให้ก้าวอย่างไม่หยุดยั้ง ก้าวสู่ปีที่ 27 พร้อมการเติบโตอย่างยั่งยืน   ดร.ปิยะวัฒน์ จุลล์จักรวงศา ประธานกรรมการ บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวย้อนถึงจุดเริ่มต้นการทำธุรกิจตลาดเครือข่าย (Multi-Level Marketing) ของ ‘ซูเลียน’ ว่า เกิดจากความตั้งใจในการเสริมสร้างสังคมให้มีสุขภาพแข็งแรง ด้วยสินค้าดี มีคุณภาพ และตอบโจทย์กับชีวิตประจำวันของคนไทยทุกคน ทั้งยังมุ่งมั่นสร้างโอกาสสร้างงาน และกระจายรายได้ผ่านการจัดจำหน่ายสินค้าโดยผู้จัดจำหน่ายซูเลียน ปัจจุบัน ซูเลียนประสบความสำเร็จจนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำธุรกิจขายตรง ที่มีสมาชิกรวมกันกว่า 5 ล้านรหัส และตัวแทนจำหน่ายร่วม 100 กว่าแห่งทั่วประเทศ   “ตลอดระยะเวลาการทำงานเข้าสู่ปีที่ 27 นี้ บุคลากรของซูเลียนทุกคนดำเนินงานภายใต้คำขวัญเดียวกัน นั่นคือ ‘ขยัน อดทน ซื่อสัตย์ มีคุณธรรม’ บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า เราให้ความสำคัญ และจริงใจต่อทุกผลิตภัณฑ์ มีการคัดสรร สรรพคุณอันเป็นประโยชน์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสุขภาพที่ดีที่สุดภายใต้เครื่องหมายการค้าซูเลียน”   ดร.ปิยะวัฒน์  กล่าวเพิ่มเติมว่า  ในปัจจุบัน ซูเลียนมีอัตราการเติบโตประมาณ 20% หลังจากผ่านพ้นช่วงวิกฤติโควิด ขณะนี้บริษัทมียอดขายโดยรวมอยู่ที่กว่า 4 พันล้านบาทต่อปี  และคาดการณ์ว่าตลาดโดยรวมจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ  โดยซูเลียนได้ขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านทั้ง ลาว , กัมพูชา และเมียนมาร์   ซึ่ง นายณัฐชานนท์ จุลล์จักรวงศา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวสนับสนุนหลักคิดดังกล่าวว่า ซูเลียนวางทิศทางการทำธุรกิจในปี 2024 ไว้หลายด้าน ประการแรกเรายังมุ่งรักษาคุณภาพสินค้าด้วยมาตรฐานระดับสูง ไปพร้อมกับการพัฒนาสินค้าใหม่ อาทิ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (Health Product) จากส่วนประกอบธรรมชาติ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้คนในปัจจุบันควบคู่กับสินค้าที่เป็นที่ยอมรับอยู่แล้ว ทั้งผลิตภัณฑ์กลุ่มบ้านและที่อยู่อาศัย (Home Care), ผลิตภัณฑ์เพื่อร่างกาย (Personal Care), เข็มขัด M-belt ส่วนในด้านการสนับสนุนผู้จัดจำหน่ายซูเลียน ยังคงรักษาระบบการสร้างคุณค่าด้วยมูลค่าจากผลลัพธ์ของการทำงาน โดยมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจ เพื่อสรรสร้างผู้จัดจำหน่ายที่มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น มีการจัดฝึกอบรมในด้านทักษะการเป็นผู้นำ เพื่อยกระดับชีวิตที่มีคุณภาพ และโอกาสทางธุรกิจให้ก้าวอย่างไม่หยุดยั้ง เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างรายได้ และโอกาสทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปอย่างยุติธรรม การันตีได้ว่าการเป็นผู้จัดจำหน่ายของซูเลียน คือโอกาสทางธุรกิจที่ให้หลักประกันความมั่นคงทางการเงินได้ในระยะยาว   “ซูเลียนมีการวางรากฐานระบบเครือข่ายที่แข็งแกร่งมาร่วม 2 ทศวรรษ ด้วยการกระจายความมั่นคงผ่านฐานผู้บริโภคที่มีตัวตนจริงในพื้นที่ดูแลของเอเจนซี่ทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน เราได้ให้ความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจในปัจจุบันเช่นกัน โดยมีโจทย์เพิ่มฐานนักธุรกิจรุ่นใหม่เข้ามารับช่วงต่อการเติบโตในอนาคต เป้าหมายที่เราวางไว้ มีทั้งสิทธิในการส่งต่อธุรกิจไปยังรุ่นลูก รวมถึงมีการปรับภาพลักษณ์ การลงทุนใหม่ ๆ เพื่อยกระดับศักยภาพขององค์กร เช่น ลงทุนพัฒนาคนผ่านการอบรมทางวิชาชีพ การเสริมประสิทธิภาพระบบจัดส่งสินค้าที่ทันสมัย “หรือแม้แต่การนำเครื่องมือออนไลน์มาใช้ขับเคลื่อนให้นักธุรกิจทำงานง่ายและเป็นมืออาชีพมากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y เปลี่ยนมุมมองว่างานขายตรงเป็นอีกแขนงอาชีพที่มีคุณค่า และช่วยให้ประสบความสำเร็จได้จริง” นายณัฐชานนท์ กล่าว   ซึ่งด้านของ นางสาวอรวรางค์ จุลล์จักรวงศา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ประเทศไทย บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด ได้เผยว่า ปัจจุบัน ซูเลียน ได้พัฒนาช่องทางจัดจำหน่ายทางออนไลน์ หรือ ‘Zhulian shopping Online’ เพื่อรองรับกับการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล ทำให้นักธุรกิจของเราสามารถสั่งซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดาย สะดวกสบาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ด้วยการจัดส่งที่ได้มาตรฐาน และยังเป็นโครงสร้างสำคัญที่ต่อยอดความมั่นคงของบริษัทฯ ให้พร้อมกับการทำตลาดในปี 2024 นี้ ผ่านเทรนด์การเชื่อมต่อธุรกิจแบบออฟไลน์และออนไลน์ “วิธีคิดของซูเลียนคือมองเป้าหมายว่าจะผลักดันองค์กรอย่างไร ให้การขายตรงสามารถเดินหน้าสอดคล้องไปกับโลกในยุคใหม่ เราจึงมีทั้งการประยุกต์นำเทคโนโลยีมาใช้ รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถให้นักธุรกิจใช้เทคโนโลยีอย่างคล่องแคล่ว เพื่อโอกาส และประโยชน์สูงสุดของการทำงาน ก็คือเทคโนโลยีจะเข้าไปแทรกในหลาย ๆ กระบวนการทำงานของนักธุรกิจ สั่งของได้สะดวกขึ้น เร็วขึ้น วางแผนง่ายขึ้น แต่การขายไปถึงมือของ End-user จะยังเป็นลักษณะของการเผชิญหน้าเพื่อให้คำแนะนำ-บอกข้อดีของสินค้าโดยตรงอยู่เช่นเดิม”     ทั้งนี้ ปัจจุบันภาพรวมของ ซูเลียน (ประเทศไทย) ยังคงมีการเติบโตในตลาดขายตรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแบบชงดื่มเพื่อสุขภาพ ‘คอฟฟี่พลัส กาแฟผสมโสม’ สินค้าอันดับ 1 ของบริษัทฯ ที่มียอดขายมากกว่า 10 ล้านซองต่อปี และมียอดขายผลิตภัณฑ์รวม 2,000 ล้านบาทต่อปี มีการเดินหน้าขยายการเติบโตครอบคลุมในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถรองรับการเติบโตเป็นเครือข่ายที่สร้างโอกาสทางธุรกิจที่เป็นไปได้มากที่สุด   เพื่อสร้างสินค้าและสังคมที่มีคุณภาพ พร้อมสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้ทรงคุณค่าและดำรงอยู่ตลอดไป ตามวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ  

12 Mar 2024

...

นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า ตามนโยบายภาครัฐที่ต้องการส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวไทยให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาค ดังนั้น SME D Bank  พร้อมเคียงข้างสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย คว้าโอกาสจากแนวโน้มการเติบโตของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะประเทศจีนที่เป็นตลาดใหญ่ มีกำลังซื้อสูง โดยร่วมกับ บริษัท ไบรท์สกาย เอวิเอชั่น จำกัด หรือ “Sky Vibe”  ผู้ให้บริการสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์บนเครื่องบินและจัดจำหน่ายสินค้าบนเครื่องบิน เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยนำสินค้าวางจำหน่ายบนสายการบิน “ไทยเวียตเจ็ท แอร์” ในเส้นทางบินระหว่างประเทศ จากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิสู่ประเทศจีน รวม 9 เส้นทาง ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย ชาวจีน และต่างชาติ  ช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพิ่มรายได้ ขยายตลาด คว้ากำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ และยังเป็นการขยายการรับรู้ Soft Power ไทย ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยด้วย      ทั้งนี้ SME D Bank จะส่งเสริมมอบความรู้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจนำสินค้าขายบนสายการบิน “ไทยเวียตเจ็ท แอร์”  ด้วยการจัดสัมมนาโครงการ “ติดปีกสินค้า SMEs ไทย สู่การขายบนสายการบิน” ในวันอังคารที่ 5 มีนาคม 2567 เวลา 13.00-18.00 น. ณ ห้องประชุมแก้ววิเชียร ชั้น 11 อาคาร SME Bank Tower สำนักงานใหญ่ SME D Bank เช่น แนะนำขั้นตอนการนำสินค้าจำหน่ายบนสายการบิน เทคนิคการทำตลาดโดยใช้ AI ผ่าน Chat GPT และ Google Bard  รวมถึง การเตรียมพร้อมเข้าถึงแหล่งทุน เป็นต้น สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจเข้างานโครงการ หรือใช้บริการด้านการพัฒนายกระดับกิจการ สามารถดูรายละเอียดกิจกรรมต่าง ๆ และสมัครแจ้งความประสงค์ได้ที่แพลตฟอร์ม DX (dx.smebank.co.th) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357  

29 Feb 2024

...

SME D Bank แก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนตามนโยบายรัฐบาลให้แก่เอสเอ็มอีไทยได้รับผลกระทบจากโควิด-19 (รหัส 21) ภายใต้มาตรการ “3 ลดปลดหนี้” บรรเทาภาระการเงิน สร้างโอกาสเริ่มต้นใหม่ไปต่อได้ ทั้งพักชำระหนี้เงินต้น 1 ปี ลดดอกเบี้ยให้ 1% และยกดอกเบี้ยค้างให้ทั้งหมด แจ้งความประสงค์ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 มิ.ย. 68 นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจ ดังนั้น SME D Bank  ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ พร้อมเคียงข้างช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กลุ่มรหัส 21 (วงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 10 ล้านบาท และเป็น NPL ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2566)  ซึ่งประสบความยากลำบากมายาวนาน และต่อเนื่อง  ธนาคารจึงดำเนินการช่วยเหลือต่อเนื่อง ผ่านมาตรการ “3 ลด ปลดหนี้” ทั้งลดผ่อน  ลดเงินต้น  และลดดอกเบี้ย เพื่อช่วยบรรเทาภาระทางการเงิน และสร้างโอกาสเริ่มต้นใหม่ กลับมาเดินหน้าธุรกิจได้ดีอีกครั้ง โดยลูกหนี้รหัส 21 จะได้รับความช่วยเหลือเมื่อชำระตามเงื่อนไขของธนาคาร ได้แก่  พักชำระหนี้เงินต้น 1 ปี  อีกทั้ง ระหว่างพักชำระเงินต้นได้ จะได้ลดดอกเบี้ย 1% ต่อปี นอกจากนั้น ยกดอกเบี้ยผิดนัดให้ทั้งหมด และหากปิดบัญชี ลดดอกเบี้ยค้างให้ 100%   สามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2568 ณ สาขา SME D Bank ที่ใช้บริการสินเชื่อ  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357     นอกจากนั้น  SME D Bank ยังให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม  ด้าน “การพัฒนา” ผ่านโครงการ “SME D Coach” จัดทีมโค้ชมืออาชีพให้คำปรึกษาแนะนำและดูแลแก้ปัญหาให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างใกล้ชิด จนสามารถปรับตัว และก้าวผ่านสถานการณ์ต่าง ๆ ไปได้ด้วยดี รวมถึง มีแพลตฟอร์มเสริมแกร่งธุรกิจครบวงจรเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองตลอด 24 ชม. ผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (https://dx.smebank.co.th/)  

09 Feb 2024

...

นางสาว ปริม ปัญญาเสรีพร ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาด“เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เทศกาล “ตรุษจีน” เป็นช่วงเวลาสำคัญทางวัฒนธรรมและประเพณีของชาวจีนรวมถึงคนไทยเชื้อสายจีนที่จะได้มีโอกาสพบปะสังสรรค์พร้อมหน้ากันภายในครอบครัวเพื่อความเป็นสิริมงคลรับปีใหม่ โดยทุกๆ ปีของช่วงเทศกาลดังกล่าว ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดห้องอาหารจีนในโรงแรมจะปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ เคทีซีจึงได้จับมือกับ 18 ห้องอาหารจีนจากพันธมิตรโรงแรมชั้นนำในกรุงเทพมหานคร มอบสิทธิพิเศษให้สมาชิกได้เฉลิมฉลองกับเทศกาลสำคัญอย่างคุ้มค่า เพียงสมาชิกใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี รับส่วนลดสูงสุด 30% โดยไม่ต้องใช้คะแนน KTC FOREVER ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 – 15 กุมภาพันธ์ 2567  สำหรับ 18 โรงแรมชั้นนำที่ร่วมรายการ ได้แก่ โรงแรมอนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ รีสอร์ท / โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค / โรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ / โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ / โรงแรมคาร์ลตัน กรุงเทพ สุขุมวิท / โรงแรมคอนราด กรุงเทพ / โรงแรม ดุสิต ปริ้นเซส ศรีนครินทร์ / โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ บางนา / โรงแรมโนโวเทลกรุงเทพ สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต / โรงแรมปรินซ์พาเลซ กรุงเทพ /โรงแรมเรดิสัน บลู พลาซ่า กรุงเทพ / โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ / โรงแรมเอสซี ปาร์ค / โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล / โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ / โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ / โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ และเดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ KTC PHONE  02 123 5000 หรือที่เว็บไซต์ https://www.ktc.co.th/promotion/dining/hotel-dining สมัครบัตรเครดิตได้ที่ศูนย์บริการสมาชิก เคทีซี ทัช ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือคลิกลิงค์  https://ktc.today/apply-card     หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนดจะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% 

04 Feb 2024

ราชการ - รัฐวิสาหกิจ / ENERGY - พลังงาน

...

กบข. ลงนาม MOU ร่วมกับ องค์กรการลงทุนเพื่อบริหารทุนสำรองของบรูไนฯ หวังส่งเสริมการลงทุน โดยร่วมกันศึกษาโอกาสจัดตั้งข้อตกลงพันธมิตรการลงทุน ภายใต้กรอบร่วมมือ 2 ปี    สมเด็จพระราชาธิบดีฮาจี ฮัซซานัล บลเกียะฮ์ แห่งบรูไนดารุสซาลาม และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลง (MOU) ในการริเริ่มสร้างความร่วมมือด้านการลงทุนที่มีศักยภาพ ระหว่างกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และองค์กรการลงทุนเพื่อบริหารทุนสำรองของบรูไนดารุสซาลาม (Brunei Investment Agency : BIA) ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2567 นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. และ BIA จะเป็นคู่ภาคี (Parties) ในการศึกษาโอกาสความเป็นไปได้ในการสร้างความร่วมมือเพื่อจัดตั้งข้อตกลงพันธมิตรการลงทุน (Investment Partnership Agreement) ภายใต้กฎหมาย ข้อบังคับ และกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องของทั้งคู่ภาคี โดยการศึกษาร่วมกันในครั้งนี้ จะมุ่งเน้นในอุตสาหกรรมที่มีความสนใจร่วมกัน ได้แก่ อาหารและการเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค การท่องเที่ยว ธุรกิจด้านสุขภาพ ยา พลังงานทดแทน เคมีภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน มีเป้าหมายในการสร้างผลกระทบที่เป็นรูปธรรมต่อเศรษฐกิจ และสร้างความร่วมมือที่มีศักยภาพอย่างแข็งแกร่ง เพื่อผลตอบแทนที่คาดหวัง (expected return)   “กบข. และ BIA มีเป้าหมายการดำเนินงานที่สอดคล้องกัน คือ ต้องการส่งเสริมการลงทุนที่ยั่งยืน ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของทั้ง 2 องค์กร ที่จะเกิดความร่วมมือและเป็นโอกาสเชิงกลยุทธ์ เรามุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดเพื่อพัฒนาโครงการลงทุนที่สอดคล้องกับเป้าหมายร่วมกัน ขับเคลื่อนผลตอบแทนและสร้างผลกระทบเชิงบวกในภูมิภาค” นายทรงพล กล่าว ทั้งนี้ MOU ฉบับนี้ มีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันนี้ (29 เม.ย. 67) มีระยะเวลา 2 ปี และจะสิ้นสุดในเดือนเมษายน 2569 อนึ่ง กบข. และ BIA ได้ร่วมมือด้านการลงทุนมาแล้ว 2 ครั้ง คือ การร่วมจัดตั้งกองทุนไทยทวีทุน 1 และกองทุนไทยทวีทุน 2 รวมมูลค่าประมาณ 260 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

05 May 2024


...

(เรียงจากซ้ายไปขวา)  1. นางสาวนวพร เรืองสกุล อดีตเลขาธิการ กบข. คนที่ 1,  2. นายวิสิฐ ตันติสุนทร อดีตเลขาธิการ กบข. คนที่ 2, 3. นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย อดีตเลขาธิการ กบข. คนที่ 3, 4. นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการ กบข., 5. นายสมบัติ นราวุฒิชัย อดีตเลขาธิการ กบข. คนที่ 4, 6. นายวิทัย รัตนากร อดีตเลขาธิการ กบข. คนที่ 5 และ 7. นางศรีกัญญา ยาทิพย์ อดีตเลขาธิการ กบข. คนที่ 6   นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)  เปิดเผยว่า วันที่ 27 มีนาคม เป็นวันครบรอบ 27 ปี การก่อตั้ง กบข. จึงได้จัดงานวันครบรอบการก่อตั้งขึ้น โดยมีนางสาวนวพร เรืองสกุล อดีตเลขาธิการ กบข. คนที่ 1 นายวิสิฐ ตันติสุนทร อดีตเลขาธิการ กบข. คนที่ 2    นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย อดีตเลขาธิการ กบข. คนที่ 3 นายสมบัติ นราวุฒิชัย อดีตเลขาธิการ กบข. คนที่ 4 นายวิทัย รัตนากร อดีตเลขาธิการ กบข. คนที่ 5 และนางศรีกัญญา ยาทิพย์ อดีตเลขาธิการ กบข. คนที่ 6 มาร่วมอวยพร พร้อมพบปะพนักงาน กบข. โดย นายทรงพล กล่าวว่า มีความรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่อดีตเลขาธิการทุกท่านได้สละเวลามาร่วมอวยพร เนื่องในวันครบรอบการก่อตั้ง ซึ่งอดีตเลขาธิการทุกท่าน มีความตั้งใจและทุ่มเทในการช่วยผลักดันองค์กรให้ประสบความสำเร็จ การที่ตนได้เข้ามารับตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการ กบข. ถือเป็นงานสำคัญ พร้อมสานต่อด้วยการให้ความสำคัญใน 3 ด้าน คือ สมาชิก ผู้มีส่วนได้เสีย และพนักงาน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้กองทุนไทยมีความมั่นคงอย่างยั่งยืน “อดีตเลขาธิการทุกท่านต่างมีเจตจำนงที่ต้องการให้ กบข. เติบโตอย่างมั่นคง และพร้อมสนับสนุนทุกด้าน และการที่ทุกท่านได้มาแบ่งปันข้อมูลต่างๆ ในสมัยที่รับตำแหน่ง ก็สามารถนำมาปรับใช้ในการดำเนินงาน เพื่อช่วยขับเคลื่อนให้ กบข. เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายทรงพล กล่าว   อนึ่ง กบข. ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2540 ภายใต้พระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2539 โดยมีหน้าที่นำเงินที่รับจากสมาชิกและส่วนราชการไปลงทุนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารฐานข้อมูลสมาชิก การจัดสรรผลประโยชน์จากการลงทุน การประชาสัมพันธ์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง การจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้แก่สมาชิก รวมถึงการจ่ายเงินและผลประโยชน์คืนให้แก่สมาชิกเมื่อพ้นสมาชิกภาพ   ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสวันครบรอบ 27 ปี กบข. จัดโครงการพิเศษเพื่อให้สมาชิกได้มีส่วนร่วมยินดีในวันครบรอบ ด้วยการมอบสิทธิพิเสษส่วนลดเติมน้ำมันที่ปั๊มบางจาก มูลค่า 30 บาท และ ส่วนลดร้าน Dairy Queen มูลค่า 30 บาท รวมถึงจัดแคมเปญพิเศษ ให้สมาชิกนำ GPF Point จำนวน 27 Point มาแลกสิทธิพิเศษ โค้ดส่วนลด LINE Man มูลค่า 100 บาท โค้ดส่วนลดค่าน้ำมัน PT มูลค่า 100 บาท ส่วนลด MK มูลค่า 100 บาท  พร้อมขอให้สมาชิกติดตามแคมเปญสิทธิพิเศษได้ตลอดทั้งปี สมาชิกสามารถแลกสิทธิพิเศษ ผ่านทาง แอป กบข. My GPF Application และ LINE กบข. @GPFCommunity

31 Mar 2024

...

รัฐมนตรีฯ กระทรวงอุตสาหกรรม ตรวจเยี่ยมและมอบโยบายการทำงานแก่ SME D Bank แนะใช้แนวทาง “รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง” ยกระดับองค์กร เพื่อเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลในการสนับสนุนเอสเอ็มอีไทย ด้าน SME D Bank ขานรับ ชูเรือธง  “เติมทุนคู่พัฒนา” สนับสนุนเอสเอ็มอีสู่ความสำเร็จ ส่งต่อคุณประโยชน์สู่ทุกภาคส่วน พาเศรษฐกิจและสังคมไทยเติบโตเข้มแข็งยั่งยืน   นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ภายใต้สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงการคลัง ว่า ได้มอบนโยบายการทำงานแก่คณะกรรมการ และคณะผู้บริหาร SME D Bank  ให้เดินหน้าสนับสนุนเอสเอ็มอีกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึง สอดคล้องกับ Thailand Vision ที่ตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใน 8 ด้าน ได้แก่ การท่องเที่ยว การแพทย์-สุขภาพ อาหาร การบิน การขนส่ง ยานยนต์อนาคต ดิจิทัล และการเงิน โดยให้บริการด้านการพัฒนาควบคู่กับการให้สินเชื่อ พร้อมเชื่อมโยงและใช้ประโยชน์จากเครือข่ายพันธมิตรภายในและภายนอกกระทรวงอุตสาหกรรม   ทั้งนี้ ขอให้ SME D Bank นำแนวทาง “รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง” มายกระดับขั้นตอนการทำงาน หมายถึง รื้อ ลด และปลด สิ่งที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจของเอสเอ็มอี พร้อมกับสร้างสิ่งใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนเอสเอ็มอี  เช่น การพัฒนาศูนย์ One Stop Service สำหรับให้บริการกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในทุกกระบวนการ และมุ่งสู่การเป็น Digital Banking โดยสมบูรณ์ นอกจากนี้ ธนาคารจะต้องใช้ประโยชน์จากข้อมูล Data Warehouse และระบบ Core Banking System (CBS) ที่ธนาคารพัฒนาขึ้น เพื่อนำไปวิเคราะห์ วิจัย และประมวลผลให้ได้ข้อมูลเชิงลึก (SME Insight) สำหรับกำหนดเป็นนโยบายสนับสนุนเอสเอ็มอีต่อไป นอกจากนั้น SME D Bank ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ จะต้องวางภาพลักษณ์องค์กรเป็น Professional Banking มีวัฒนธรรมการทำงานที่โปร่งใส เป็นธรรม และเป็นมืออาชีพ   “ดิฉันมั่นใจในศักยภาพของ SME D Bank และยินดีที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของ SME D Bank ในทุกมิติ เพื่อให้ SME D Bank เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล สามารถช่วยเหลือและเพิ่มศักยภาพแก่เอสเอ็มอีไทย ซึ่งจะสร้างประโยชน์ ก่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างอาชีพ ประชาชนมีรายได้ คุณภาพชีวิตดีขึ้น ส่งต่อประโยชน์ไปยังทุกภาคส่วน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ทำให้ประเทศไทยเติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน” นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าว   นายเดชา จาตุธนานันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม และประธานกรรมการ SME D Bank กล่าวว่า  SME D Bank พร้อมขานรับดำเนินการตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ผ่านกระบวนการ “เติมทุนคู่พัฒนา” ช่วยเอสเอ็มอีเติบโตอย่างเข้มแข็ง  โดยด้าน “การเงิน” จัดเตรียมผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่มเอสเอ็มอี วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท นอกจากนั้น ยังเป็นสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ ผ่อนนานพิเศษสูงสุด 15 ปี และปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 24 เดือน ช่วยลดภาระทางการเงิน อีกทั้ง ใช้กลไกบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สนับสนุนกลุ่มที่ไม่มีหลักประกันให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ ขณะเดียวกัน พิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง ทั้งนี้ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา SME D Bank ดูแลช่วยเหลือเอสเอ็มอีอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง สามารถพาเข้าถึงแหล่งเงินทุนกว่า 231,250 ล้านบาท ก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยกว่า  1 ล้านล้านบาท และช่วยรักษาการจ้างงานได้กว่า 752,345 ราย ควบคู่กับช่วยพัฒนาเสริมศักยภาพเอสเอ็มอีกว่า 75,000 ราย อีกทั้ง ช่วยเหลือผ่านมาตรการปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน (ฟ้า-ส้ม) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กว่า 83,520 ราย วงเงินรวมกว่า 145,240 ล้านบาท   ส่วนด้าน “การพัฒนา” ยกระดับศักยภาพเอสเอ็มอี ผ่านโครงการ SME D Coach ที่เชื่อมโยงการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกว่า 50 แห่งมาไว้ในจุดเดียว เน้นเติมความรู้ใน 6 ด้านสำคัญ ได้แก่ 1.การตลาด  2.มาตรฐาน พัฒนาผลิตภัณฑ์  3. เทคโนโลยีและนวัตกรรม 4. การเงิน เขียนแผนธุรกิจ บัญชี ภาษี 5.การผลิต และ  6.บ่มเพาะเตรียมพร้อมเข้าสู่แหล่งทุน ทั้งนี้ SME D Bank ยังดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล แก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบให้แก่ประชาชนและเอสเอ็มอี โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กลุ่มรหัส 21 (วงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 10 ล้านบาท และเป็น NPL  ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2566) ผ่านมาตรการต่าง ๆ  เช่น พักชำระหนี้เงินต้น 1 ปี อีกทั้ง ระหว่างพักชำระเงินต้นจะได้ลดดอกเบี้ย 1% ต่อปี นอกจากนั้น ยกดอกเบี้ยผิดนัดให้ทั้งหมด และหากปิดบัญชี ลดดอกเบี้ยค้างให้ 100% เป็นต้น สามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2568 ณ สาขา SME D Bank ที่ใช้บริการสินเชื่อ   สำหรับปีนี้ (2567) SME D Bank ยังเดินหน้ากระบวนการ “เติมทุนคู่พัฒนา” พร้อมยกระดับนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาให้บริการเอสเอ็มอีได้คลอบคลุม และกว้างขวางยิ่งขึ้น ได้แก่ ระบบ Core Banking System (CBS) ที่สามารถให้บริการทางการเงินได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง และแพลตฟอร์ม DX  (Development Excellent) ระบบพัฒนาผู้ประกอบการอัจฉริยะ สร้างสังคมของการเรียนรู้  e-Learning ศึกษาได้ด้วยตัวเอง 24 ชม. ช่วยเติมศักยภาพให้เอสเอ็มอีสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน  

14 Mar 2024

...

เลขาธิการ กบข. คนใหม่ “ทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์” พร้อมเริ่มงานรับตำแหน่ง มีเป้าหมายพัฒนา กบข.เป็นกองทุนที่มีความมั่งคั่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่สมาชิก และสร้างฐานการคลังไทยให้มีความมั่นคงและยั่งยืน   นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เข้ามาปฏิบัติหน้าที่วันแรก โดยมีผู้บริหารและพนักงาน กบข. ให้การต้อนรับ หลังจากได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการ กบข. ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป ด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญการบริหารการเงิน การคลัง และการลงทุน มีวิสัยทัศน์ที่ตรงกับภารกิจของ กบข. และมีเป้าหมายการดำเนินงานที่จะพัฒนาองค์กรให้เป็นกองทุนที่มีความมั่งคั่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่สมาชิก และสร้างฐานการคลังไทยให้มีความมั่นคงและยั่งยืน   ทั้งนี้ นายทรงพล มีประสบการณ์การทำงานด้านการบริหารการเงิน การคลัง และการลงทุนในตำแหน่งสำคัญ อาทิ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) รองกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กรรมการบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรรมการบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด กรรมการบริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์จำกัด (มหาชน) กรรมการองค์การเภสัชกรรม กรรมการบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัด (มหาชน)   ด้านการศึกษา นายทรงพล จบการศึกษา ระดับปริญญาโทจาก Master of Business Administration with Finance, Case Western Reserve University ระดับปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต B.S. Finance, University of Findlay นอกจากนี้ ยังผ่านหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงอื่น ๆ อาทิ นักบริหารการเงินการคลังระดับสูง รุ่นที่ 3 กรมบัญชีกลาง และหลักสูตรต่าง ๆ ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ดังนี้ หลักสูตร Corporate Governance for Capital Market Intermediaries (CGI) รุ่นที่ 7/2015 หลักสูตร Director Certification Program (DCP) รุ่นที่ 231/2016 และหลักสูตร IT Governance and Cyber Resilience Program (ITG) รุ่นที่ 15/2020

13 Mar 2024

...

เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2567 นายรณชัย วินทวามร ผู้ช่วยเลขาธิการกลุ่มงานเทคโนโลยีสารสนเทศ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เป็นตัวแทน กบข. เข้ารับประกาศนียบัตรรางวัลชุดข้อมูลเปิดทรงคุณค่า จาก ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ภายในงานวันข้อมูลเปิดนานาชาติ (International Open Data Day 2024) ณ สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย     โดย กบข. ได้ให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ มีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่เหมาะสม และเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานได้ใช้หลักธรรมาภิบาล เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิก และผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดมาโดยตลอด ทั้งนี้ งานวันข้อมูลเปิดนานาชาติ (International Open Data Day 2024) จัดขึ้นโดย สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ภายใต้หัวข้อ “Data-Driven for Sustainability: การขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” เพื่อส่งเสริมการใช้งานระบบข้อมูลแบบเปิด (Open Data) ที่เป็นกุญแจสำคัญในการเดินหน้าประเทศสู่การเป็นรัฐบาลเปิดได้อย่างยั่งยืน    

10 Mar 2024

...

กบข. จัดส่งเอกสารใบแจ้งยอดเงินประจำปี พร้อมเปิดให้สมาชิกดาวน์โหลด e-Statement แล้ว พร้อมประชาสัมพันธ์ให้สมาชิกเลือกรับ e-Statement ในปีถัดไป เพื่อร่วมกันรักษ์โลก ลดการใช้กระดาษ   นายอาสา อินทรวิชัย รองเลขาธิการกลุ่มงานลงทุนและค้าตราสาร รักษาการในตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข. ) เปิดเผยว่า กบข. ได้ดำเนินการจัดส่งเอกสารใบแจ้งยอดเงินสมาชิกประจำปี 2566 ให้กับสมาชิกทั่วประเทศแล้ว ทั้งในรูปแบบเอกสารผ่านหน่วยงานต้นสังกัด และรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Statement) ตามที่อยู่อีเมลของสมาชิกที่ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขอรับ e-Statement ไว้ โดยใบแจ้งยอดเงินสมาชิก จะแสดงข้อมูลรายละเอียดยอดเงิน ณ สิ้นปี 2566 ทั้งเงินสะสมที่สมาชิกนำส่ง เงินที่รัฐสมทบให้ และผลตอบแทนที่ กบข. บริหารให้ แจกแจงตามประเภทของเงินและตามแผนการลงทุน สำหรับยอดเงิน กบข. ที่สมาชิกจะนำไปใช้ในประกอบการยื่นภาษีประจำปี จะอยู่ในส่วน “เอกสารรับรองการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อกรมสรรพากร” บริเวณด้านล่างของใบแจ้งยอดเงินหน้าแรก ทั้งนี้ กบข. ได้อำนวยความสะดวกให้แก่สมาชิก ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลการนำส่งเงินสะสมเข้ากองทุนกับทางกรมสรรพากร เมื่อยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีผ่านช่องทางออนไลน์ จะแสดงข้อมูลเงินสะสม กบข. อัตโนมัติ โดยสมาชิกจะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในส่วนของยอดเงินสะสมระหว่างปี 2566 ซึ่งเมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท     ทั้งนี้ สมาชิก กบข. สามารถดาวน์โหลด e-Statement ผ่าน 3 ช่องทางออนไลน์ ดังนี้ 1. My GPF Application ที่เมนู "ดาวน์โหลด e-Statement" 2. My GPF Website ที่เมนู "บัญชีของฉัน" และเลือก "ดาวน์โหลด e-Statement" และ 3. LINE กบข. @gpfcommunity เข้าผ่านสมาร์ตโฟน ที่เมนู "ดาวน์โหลดใบแจ้งยอดเงินประจำปี 2566" ในเมนูหน้าแชท ซึ่งสมาชิกจะได้รับใบแจ้งยอดเงินเป็นไฟล์สกุล .pdf ที่มีรหัสผ่านเพื่อความปลอดภัยของข้อมูลสมาชิก นาย อาสา กล่าวเพิ่มเติมว่า ใบแจ้งยอดเงินสมาชิก ถือเป็นเอกสารสำคัญ ที่ กบข. ต้องแจ้งความเคลื่อนไหวเงินในบัญชีให้สมาชิกได้รับทราบ โดยในแต่ละปี กบข. ต้องผลิตใบแจ้งยอดเงิน เฉลี่ย 5 ล้านแผ่น จึงขอเชิญชวนให้สมาชิกลงทะเบียนรับ e-Statement นอกจากจะทำให้สมาชิกสามารถดูใบแจ้งยอดเงินได้ตลอดผ่านช่องทางออนไลน์ของ กบข. ที่สะดวกรวดเร็ว ยังได้มีส่วนช่วยในการลดการใช้กระดาษ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook กบข. หรือ LINE กบข. @gpfcommunity หรือศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก โทร 1179

06 Feb 2024

...

ธ.ก.ส. โอนเงินตามโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว (ไร่ละพัน) ปีการผลิต 2566/67 รอบที่ 5 จำนวนกว่า 5 หมื่นครัวเรือน เป็นเงินกว่า 345 ล้านบาททั่วประเทศ นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า วันนี้ ธ.ก.ส. ได้ดำเนินการโอนเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท สูงสุด     ไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 20,000 บาท กรอบวงเงินรวม 54,336 ล้านบาท เป้าหมายเกษตรกรได้รับประโยชน์กว่า 4.68 ล้านครัวเรือน โดยมีกำหนดจ่ายรอบที่ 5 จำนวน 5 หมื่นครัวเรือน เป็นเงิน 345 ล้านบาท ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ได้โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ไปแล้ว 4 รอบ ได้แก่ รอบที่ 1 ระหว่างวันที่ 28 พ.ย. - 2 ธ.ค. 2566 รอบที่ 2 เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2566 รอบที่ 3 เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2566 และรอบที่ 4 เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2567 โดยจากการโอนเงินดังกล่าว สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้แล้วกว่า 4.62 ล้านครัวเรือน เป็นเงินจำนวน 52,941 ล้านบาท ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถตรวจสอบผลการโอนเงินได้ทางแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ตลอด 24 ชั่วโมง จะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีผ่านบริการ BAAC Connect ทาง Line: BAAC Family ด้วย หรือผ่านทาง https://chongkho.inbaac.com      

04 Feb 2024

Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

เป็นเวลากว่า 20 ปีที่กรุงเทพประกันชีวิต และ ธนาคารกรุงเทพ ได้ร่วมกันให้บริการวางแผนความคุ้มครองและการออมผ่านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต เพื่อสร้างความสำเร็จให้ลูกค้ากว่า 1.2 ล้านราย  จนเป็นที่มาของการจัดงาน Age of Happiness: Thank You Event for Our Valued Customers เพื่อแสดงความขอบคุณลูกค้าธนาคารกรุงเทพที่ให้ความไว้วางใจให้ทั้งสององค์กรได้มีส่วนในการสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งจากรุ่นสู่รุ่น ให้บรรลุเป้าหมายของแต่ละครอบครัว โดยในงานได้รับเกียรติจากคุณชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยคุณโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารระดับสูงจากสององค์กรร่วมให้การต้อนรับลูกค้าที่มาร่วมงานอย่างคับคั่ง ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรม ชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ความสำคัญของงาน Age of Happiness: Thank You Event for Our Valued Customers ยังตอกย้ำถึงพลังความร่วมมือระหว่างสององค์กรที่ได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่เหมาะสมให้กับลูกค้าจนเป็นที่ยอมรับและไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้ามาอย่างยาวนานผ่าน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ คือ ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตพ Credit 1st สำหรับคุ้มครองสินเชื่อธุรกิจ และ ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต Home 1st คุ้มครองสินเชื่ออยู่อาศัย นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ประกันสะสมทรัพย์ Gain 1st  ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และได้รับความไว้วางใจในการทำประกันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง   (ภาพจากซ้าย) คุณชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) , คุณโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) “ผมขอขอบคุณลูกค้าที่มอบความไว้วางใจให้ธนาคารกรุงเทพและกรุงเทพประกันชีวิต ได้ดูแลความมั่นคงและธุรกิจของครอบครัวของท่านตลอดมา และเราพร้อมที่จะยืนหยัดเคียงข้างเพื่อสนับสนุนลูกค้าทุกท่านให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินของครอบครัวและของธุรกิจ รวมถึงการมีคุณภาพชีวิตที่ดี” คุณชาติศิริกล่าว และด้วยวิสัยทัศน์ของ ธนาคารกรุงเทพ ที่มุ่งเป็นธนาคารที่ให้บริการด้านการเงินที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ภายใต้เจตนารมณ์ที่จะเป็น “เพื่อนคู่คิดมิตรคู่บ้าน”  ที่ตระหนักถึงความสำคัญของการเสริมสร้างความมั่นคงของครอบครัว การสั่งสมและส่งต่อ Wealth จากรุ่นสู่รุ่น ไปจนถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการสืบทอดธุรกิจของครอบครัว และเหนืออื่นใด ธนาคารยังมุ่งมั่นดูแลลูกค้าให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ในปีนี้จึงได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ายิ่งขึ้น ภายใต้แนวคิด “3 Gens Solution” เช่น ผลิตภัณฑ์  Home 1st Extra ที่มีจุดเด่นในด้านการคุ้มครองสินเชื่อที่อยู่อาศัย และการเตรียมความคุ้มครองไว้สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ที่ครอบคลุมถึงค่ารักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วยด้วย 44 โรคร้ายแรง  รวมทั้ง กรุงเทพประกันชีวิตยังมอบสิทธิประโยชน์ใหม่ 5 ด้าน สำหรับลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ ภายใต้ BLA Happy Life Club เพื่อส่งมอบความสุขได้ในทุกวัน ด้วยแนวคิด Elevating Your Happiness โดยมีสิทธิประโยชน์ดีๆ ในทุกไลฟ์สไตล์  โดยเฉพาะด้านสุขภาพ   บรรยากาศภายในงานคับคั่งไปด้วยลูกค้าคนพิเศษ ที่แต่ละท่านสละเวลามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในช่วงเวลาสำคัญ ที่ทั้งสององค์กรใส่ใจร่วมกันจัดขึ้นภายใต้บรรยากาศอันอบอุ่น โดยมีไฮไลท์คือช่วง Special Talk “เปิดมุมมองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่กับนาย ณภัทร เสียงสมบุญ” นักแสดงมากฝีมือ ที่มาร่วมสร้างความสดใสและแลกเปลี่ยนมุมมองการใช้ชีวิตคนรุ่นใหม่ รวมทั้งแชร์เรื่องราวในฐานะพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์ Gain1st มาต่อเนื่องหลายปี ทั้ง Gain1st 650  Gain1st Simple Gain1st 424 และ Gain1st 10/5 รวมทั้งยังเป็นลูกค้าตัวจริงของธนาคารกรุงเทพและกรุงเทพประกันชีวิต ซึ่งได้เลือกซื้อ Gain1st ผ่านโมบายแบงกิ้งของธนาคารกรุงเทพเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการออมด้วยเช่นกัน อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ ลูกค้ายังได้รับฟังบรรยายพิเศษในหัวข้อ “เคล็ดลับสู่ความมั่งคั่งเมื่อฮวงจุ้ยโลกเข้าสู่ยุค 9”  โดย “อาจารย์มาศ เคหาสน์ธรรม” ซินแสฮวงจุ้ยระดับโลกที่มาแนะนำเรื่องการจัดฮวงจุ้ยเพื่อความมั่งคั่งทั้งทำเลที่ตั้งบ้าน อาคารสำนักงาน หรือการจัดที่นั่งสำหรับผู้บริหาร พร้อมตอบคำถามแบบเอ็กซ์คลูซีฟ สร้างความสุขให้ทุกคนจนจบงาน   “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กรุงเทพประกันชีวิตมีความใส่ใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ให้เป็นแบบประกันที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี และมีเบี้ยประกันฯ ที่เหมาะสม ภายใต้แนวคิดประกันชีวิตที่ใส่ใจและให้ความรู้สึกดี โดยธนาคารกรุงเทพมีส่วนสำคัญในการแนะนำเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการออมเงินเพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคต หรือ การสนับสนุนลูกค้าสินเชื่อที่ต้องการให้ธุรกิจและสินทรัพย์นั้นยังคงอยู่กับครอบครัวและทายาทได้ และไม่เป็นภาระให้กับคนรุ่นหลัง ผมจึงขอถือโอกาสนี้ขอบคุณลูกค้าและธนาคารกรุงเทพ ที่ไว้วางใจให้กรุงเทพประกันชีวิตส่งมอบความคุ้มครองสู่ลูกค้าของธนาคารกรุงเทพทุกท่านครับ” คุณโชนกล่าว

14 May 2024

...

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank จัดบริการตอบครบความต้องการเอสเอ็มอีไทย ในงาน มหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 24 (MONEY EXPO 2024 BANGKOK) ระหว่างวันที่ 16-19 พฤษภาคม 2567 ณ ชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี หมายเลขที่บูธ L8 และ K1 ยกทัพจัดเต็มโปรโมชั่น “เติมทุนคู่พัฒนา” ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ ไฮไลท์ คือ สินเชื่อ SME Refinance อัตราดอกเบี้ยถูก ปีแรกคงที่ 2.99% ต่อปี เมื่อรีไฟแนนซ์มาแล้ว ขอกู้เพิ่มได้ วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท ใช้ได้ทั้งลงทุน ขยาย หมุนเวียน เสริมสภาพคล่อง ผ่อนสบายนานสูงสุด 15 ปี ควบคู่โปรโมชั่นด้าน “การพัฒนา” ผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th) รวบรวมบริการและสิทธิประโยชน์จากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา อัพสกิลเสริมศักยภาพเอสเอ็มอีไทยสู่ยุคดิจิทัล ครบถ้วนในจุดเดียว ห้ามพลาด! กับโปรโมชั่นสุดพิเศษ สำหรับผู้ประกอบการที่ยังไม่เคยใช้บริการสินเชื่อจาก SME D Bank มาก่อน เมื่อยื่นกู้และได้รับการอนุมัติ ตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป รับแคมเปญ Cash Back สูงสุด 5,000 บาท อีกทั้ง สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยทุกท่านที่ยื่นขอสินเชื่อ “จิ๋วสุดแจ๋ว” เมื่อเข้าเรียนหลักสูตรเสริมแกร่งธุรกิจผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” ได้รับสิทธิ์ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์โครงการ (Front End Fee) 1.0% ของวงเงินที่ได้รับอนุมัติ นอกจากนั้น ภายในบูธยังนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ชื่อดัง เปิดโอกาสเจรจาการค้าแก่ผู้ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจแบรนด์ดัง  ไม่ว่าจะเป็น “Otteri Wash & Dry” ร้านสะดวกซักครบวงจร , “DOUBLE NOUR” ส้มตำเงินล้าน ,   “Kari Kori” ร้านน้ำแข็งไสสไตล์ญี่ปุ่น และ “โกโก้ ไอ้ต้น” ร้านโกโก้ไอเดียขายความสนุก อีกทั้ง ยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกลุ้นรับของรางวัลมากมาย  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1357

12 May 2024

...

กบข. ลงนาม MOU ร่วมกับ องค์กรการลงทุนเพื่อบริหารทุนสำรองของบรูไนฯ หวังส่งเสริมการลงทุน โดยร่วมกันศึกษาโอกาสจัดตั้งข้อตกลงพันธมิตรการลงทุน ภายใต้กรอบร่วมมือ 2 ปี    สมเด็จพระราชาธิบดีฮาจี ฮัซซานัล บลเกียะฮ์ แห่งบรูไนดารุสซาลาม และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลง (MOU) ในการริเริ่มสร้างความร่วมมือด้านการลงทุนที่มีศักยภาพ ระหว่างกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และองค์กรการลงทุนเพื่อบริหารทุนสำรองของบรูไนดารุสซาลาม (Brunei Investment Agency : BIA) ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2567 นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. และ BIA จะเป็นคู่ภาคี (Parties) ในการศึกษาโอกาสความเป็นไปได้ในการสร้างความร่วมมือเพื่อจัดตั้งข้อตกลงพันธมิตรการลงทุน (Investment Partnership Agreement) ภายใต้กฎหมาย ข้อบังคับ และกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องของทั้งคู่ภาคี โดยการศึกษาร่วมกันในครั้งนี้ จะมุ่งเน้นในอุตสาหกรรมที่มีความสนใจร่วมกัน ได้แก่ อาหารและการเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค การท่องเที่ยว ธุรกิจด้านสุขภาพ ยา พลังงานทดแทน เคมีภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน มีเป้าหมายในการสร้างผลกระทบที่เป็นรูปธรรมต่อเศรษฐกิจ และสร้างความร่วมมือที่มีศักยภาพอย่างแข็งแกร่ง เพื่อผลตอบแทนที่คาดหวัง (expected return)   “กบข. และ BIA มีเป้าหมายการดำเนินงานที่สอดคล้องกัน คือ ต้องการส่งเสริมการลงทุนที่ยั่งยืน ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของทั้ง 2 องค์กร ที่จะเกิดความร่วมมือและเป็นโอกาสเชิงกลยุทธ์ เรามุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดเพื่อพัฒนาโครงการลงทุนที่สอดคล้องกับเป้าหมายร่วมกัน ขับเคลื่อนผลตอบแทนและสร้างผลกระทบเชิงบวกในภูมิภาค” นายทรงพล กล่าว ทั้งนี้ MOU ฉบับนี้ มีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันนี้ (29 เม.ย. 67) มีระยะเวลา 2 ปี และจะสิ้นสุดในเดือนเมษายน 2569 อนึ่ง กบข. และ BIA ได้ร่วมมือด้านการลงทุนมาแล้ว 2 ครั้ง คือ การร่วมจัดตั้งกองทุนไทยทวีทุน 1 และกองทุนไทยทวีทุน 2 รวมมูลค่าประมาณ 260 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

05 May 2024

...

ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีนโยบายเร่งรัดการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน และได้สั่งการให้ธนาคารออมสินหาแนวทางในการช่วยเหลือประชาชนลดภาระการผ่อนชำระหนี้ที่มีอยู่เดิม โดยเฉพาะผู้มีหนี้ที่เป็นกลุ่มเปราะบาง ตลอดจนผู้ที่ประสบปัญหาสภาพคล่องอันเป็นผลกระทบจากปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจ ดังนั้น เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายรัฐ และสอดรับกับบทบาทธนาคารเพื่อสังคม ธนาคารจึงพิจารณาออกมาตรการรีไฟแนนซ์ ภายใต้โครงการ “สินเชื่อออมสินรีไฟแนนซ์เพื่อสังคม” รับรีไฟแนนซ์หนี้เดิม (ไม่ใช่การปล่อยสินเชื่อใหม่) เพื่อช่วยลดภาระแก่ลูกหนี้ 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) ลูกหนี้บัตรเครดิต 2) ลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล หรือ Personal Loan (P-Loan) 3) ลูกหนี้สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ (Nano Finance) 4) ลูกหนี้สินเชื่อบ้าน ซึ่งการเปิดให้รีไฟแนนซ์สินเชื่อด้วยหลักเกณฑ์ดอกเบี้ยต่ำ พร้อมเงื่อนไขพิเศษอื่นครั้งนี้ ตั้งเป้าช่วยเหลือประชาชนลดภาระการชำระหนี้ ผ่อนสบายมากขึ้น หรือผู้ที่รีไฟแนนซ์แล้วแต่ประสงค์ผ่อนชำระเงินงวดเท่าเดิม ก็จะตัดเงินต้นมากขึ้นเพราะดอกเบี้ยลดลง ทำให้ปิดหนี้ได้เร็วขึ้น โดยมีรายละเอียดหลักเกณฑ์ทั้ง 4 มาตรการ ดังนี้    1. Re-Card : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้บัตรเครดิต ที่ต้องการกู้เงินเพื่อไปชำระหนี้บัตรเครดิตของสถาบันการเงิน หรือ Non-Bank อื่น โดยการรีไฟแนนซ์/รวมหนี้บัตรเครดิตมาผ่อนชำระกับธนาคารออมสินในรูปแบบเงินกู้ระยะยาว (Long Term Loan) ช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากเดิม 16% ต่อปี ลงเหลือ 8.99% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น) วงเงินกู้ไม่เกิน    5 เท่าของรายได้รวม สูงสุดไม่เกินรายละ 500,000 บาท และไม่ต้องมีหลักประกัน ซึ่งการรีไฟแนนซ์จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ลูกหนี้ ยกตัวอย่างกรณีเป็นหนี้บัตรเครดิต 100,000 บาท ปัจจุบันต้องจ่ายดอกเบี้ย 16% ต่อปี และผ่อนชำระขั้นต่ำ 8% ซึ่งเท่ากับ 8,000 บาทต่อเดือน เมื่อรีไฟแนนซ์มาเป็นเงินกู้ระยะยาว ธนาคารให้ผ่อนชำระได้สูงสุดไม่เกิน 7 ปี ที่อัตราดอกเบี้ย 8.99% ต่อปี ทำให้ลดเงินงวดเหลือ 1,700 บาทต่อเดือนเท่านั้น     2. Re P-Loan : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan : P-Loan) ที่ต้องการกู้เงินเพื่อไปชำระหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล P-Loan ของสถาบันการเงิน หรือ Non-Bank อื่น ซึ่งเมื่อรีไฟแนนซ์/รวมหนี้มาผ่อนชำระกับธนาคาร จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากเดิมประมาณ 25% ต่อปี ลงเหลือ 15% ต่อปี วงเงินให้กู้ตามภาระหนี้คงเหลือของสัญญากู้เดิม สูงสุดไม่เกินรายละ 100,000 บาท และไม่ต้องมีหลักประกัน ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 5 ปี 3. Re-Nano : รับรีไฟแนนซ์สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อย ที่ต้องการปลดหนี้สินเชื่อ Nano Finance ที่กู้ไปเพื่อลงทุนในการประกอบอาชีพ ซึ่งเมื่อรีไฟแนนซ์/รวมหนี้มาผ่อนชำระกับธนาคาร จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากเดิม 33% ต่อปี ลงเหลือ 18% ต่อปี วงเงินให้กู้ตามภาระหนี้คงเหลือของสัญญากู้เดิม สูงสุดไม่เกินรายละ 200,000 บาท ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 8 ปี โดยธนาคารออมสินร่วมกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการค้ำประกันการกู้ 4. Re-Home : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัย ที่ต้องการกู้เงินเพื่อไถ่ถอนจำนองที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินอื่น วงเงินกู้ 1-5 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรีไฟแนนซ์มาผ่อนชำระกับธนาคาร จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยตามสัญญาเดิมที่ประมาณ 6 - 7% ต่อปี ลงเหลือ 1.95% ในปีที่ 1 (ปีที่ 2 = 2.95% ปีที่ 3 = 3.95%) คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.95% ต่อปี พร้อมเงื่อนไขผ่อนต่ำ ปีที่ 1 ผ่อนชำระเงินงวดล้านละ 3,000 บาท/เดือน ปีที่ 2 ล้านละ 4,000 บาท/เดือน และปีที่ 3 ล้านละ 5,000 บาท/เดือน อนึ่ง ธนาคารสนับสนุนนโยบายรัฐในการแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือนของประชาชน ให้สามารถมีเงินเหลือใช้สอยดำรงชีพโดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งเงินกู้นอกระบบ รวมถึงส่งเสริมการปลูกฝังทัศนคติการกู้เงินเท่าที่จำเป็นและผ่อนไหว ทั้งนี้ มาตรการสินเชื่อรีไฟแนนซ์ “โครงการสินเชื่อออมสินรีไฟแนนซ์เพื่อสังคม” เพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน เปิดให้ยื่นขอกู้ได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 และจัดทำนิติกรรมสัญญาภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567  

21 Apr 2024

Banner Banner Banner

Banner
  ทิศทาง ceothailand.net ในปี 2567  “สื่อออนไลน์ CEO THAILAND”   ในปี 2567 จะเป็นปีที่ผม “นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์” จะมาทำหน้าที่บรรณาธิการบริหารสื่อ CEO THAILAND และผู้บริหารสื่อออนไลน์ ceothailand.net อย่างเต็มที่ หลังจากที่ผ่านมาได้ไปเดินแผนงานทางด้านการเมือง แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงการเลือกตั้งไปแล้วที่ผ่านมา จึงทำให้ช่วงเวลานี้มีเวลาที่จะมาวางแผนในการเดินหน้าธุรกิจสื่อได้มากขึ้น และในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีนับจากนี้ จึงขอเข้ามารับหน้าที่สื่อมวลชน ในการเขียนบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องราวในแวดวงเศรษฐกิจ-การเงิน และการประกันภัย ในฐานะของคอลัมนิสต์ ตลอดเวลาที่ผมเข้าไปทำงานทางการเมือง ต้องยอมรับว่าวงการข่าวและสื่อสารมวลชนเปลี่ยนไปเร็ว ตลอดเวลา 5 ปี  สื่อออนไลน์ที่รวดเร็วเข้ามาแทนที่สื่อหลักอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ (ออฟไลน์)  เราต้องยอมรับในเรื่องความรวดเร็ว แต่ต้องไม่ลืมจุดด้อยของสื่อออนไลน์ คือข้อผิดพลาดในการกลั่นกรองข่าวสาร รวมทั้งบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ที่หายไป และข่าวที่ออกมามีความเหมือนกัน  ไม่แตกต่าง และเป็นเชิงภาพข่าว และกิจกรรมเท่านั้น ดังนั้นในปี 2567 นี้  ในหน้าสื่อออนไลน์ CEO THAILAND ท่านผู้อ่านจะได้สัมผัสกับข่าวสารเชิงวิเคราะห์ เจาะลึกแบบออนไลน์ต่อเนื่องในสื่อ CEO THAILAND รวมทั้งการจัดทำเป็น E-Magazine ใน www.ceothailand.net รวมทั้งการจัดทำเป็นรูปเล่มฉบับพิเศษสลับไปบ้างในเรื่องที่สำคัญๆ น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับประชาชนและสังคม ขอขอบพระคุณท่านลูกค้าและผู้สนับสนุนสื่อด้วยดีเสมอมา ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา และขอขอบพระคุณทุกท่าน รวมทั้งผู้อ่านที่ติดตามสื่อ CEO THAILAND ด้วยดีเสมอมาใน www.ceothailand.net   นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา) บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner